ความลับของวัคซีน mRNA (ฉบับที่ 2)

0
6530

ผมเขียนต่อจากบทความก่อนหน้านี้ ที่ผมทิ้งท้ายด้วยคำถามว่า

ถ้าสิ่งนี้ไม่ใช่วัคซีน แล้วมันคืออะไร?​

หากท่านยังไม่ได้อ่าน ความลับของวัคซีน mRNA โปรดอ่านก่อนมาต่อหน้านี้ครับ

ยาตัวนี้มี 4 อย่างหลักๆ ในบทความนี้ผมจะพูดถึง 2 อย่างซึ่งก็คือ ยีนบำบัด และ กราฟัน อ็อกไซด์

1. mRNA ไม่ใช่วัคซีน… มันคือ ยีนบำบัด (Gene Therapy)

ในบทความที่แล้ว ผมอธิบายไปแล้วว่าทำไมสิ่งนี้ไม่ใช่วัคซีน

ในบทสัมภาษณ์ของท่าน ที่เป็นไวรัลไปทั่วอินเตอร์เน็ต นักวิทยาศาสตร์ Dr. Robert W. Malone ผู้คิดค้น เทคโนโลยี mRNA พูดถึงวัตถุประสงค์ในการคิดค้นเทคโนโลยี mRNA ออกมาเพื่อรักษาโรคมะเร็ง ในยุค 80-90 ซึ่งใช้ mRNA เข้าไปสั่งการ (เปลี่ยนแปลง) ตัว DNA ของผู้ป่วยให้หยุดผลิตเซลล์มะเร็ง โดยใช้ RNA เข้าไปสั่งการ

ในช่วงหลังท่านให้ความรู้ถึงความเสี่ยงของ ‘วัคซีน’ mRNA กระทั่งท่านถูกลบออกจากโซเชียลมีเดีย (ไม่ใช่เรื่องใหม่ของการเซนเซอร์นักวิทยาศาสตร์ที่พูดความจริง) ระดับท่าน ที่ไม่ใช่ แอนตี้วัคซีน แต่เป็นผู้คิดค้น mRNA ก็ไม่สามารถพูดเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านคิดค้นขึ้นมาเองได้ ท่านไม่รอดจากการถูกเซนเซอร์

การบำบัดยีน หมายความว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงตัว Genome เพื่อให้บรรลุผล ซึ่งก็คือการดัดแปลงพื้นฐานการเป็นมนุษย์ของพวกเรา เพื่อที่จะเข้าใจสิ่งนี้อย่างละเอียด Dr. Andrew Kaufman ได้ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้กับ Spiro นักข่าวอิสระชื่อดังที่มีผู้ติดตามนับล้านคนบนโซเชียลมีเดีย (ถูก Youtube ลบออกไปแล้ว) ท่านอธิบายว่า ยาบำบัด mRNA นี้จะเปลี่ยนแปลง DNA มนุษย์ ซึ่งนอกเหนือที่จะทำให้เราเป็นมนุษย์ 2.0 แล้ว จะทำให้เรามีโอกาสถูกภูมิต้านทานของเราโจมตีตัวเองและสามารถก่อให้เกิดลิ่มเลือดในอวัยวะต่างๆ ได้

ต่อมาสำนักข่าว Reuter ออกมาชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่ Dr. Kaufman พูดนั้นเป็นข่าวปลอม mRNA ไม่สามารถดัดแปลง DNA ของมนุษย์ได้

เพียงเท่านี้ Dr. Kaufman ใด้ให้สัมภาษณ์รอบที่สอง และในการสัมภาษณ์ครั้งสำคัญนี้ ท่านได้อธิบายพร้อมหลักฐานอย่างชัดเจนถึงวิธีที่ mRNA จะทำการดัดแปลง DNA ของเรา ท่านอธิบายกระบวนการให้ฟัง

เราได้ทำซับไทยคลิปของท่านคลิปนี้ (คลิปยาวหน่อย แต่ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสิ่งนี้เพื่อเข้าใจและปกป้องลูกหลานของท่าน ฉะนั้นผมขอเชิญชวนให้ทุกท่านชมและทำความเข้าคลิปนี้ครับ)

หนึ่งในกลุ่มอีลีตที่ต้องการเปลี่ยน DNA เราคือ เจ้าของ Facebook มาร์ค ซักเกอร์เบอร์ก ในการประชุมออนไลน์ส่วนตัวของมาร์ค มาร์คได้พูดออกมาชัดเจนว่า “วัคซีนจะดัดแปลง DNA ของผู้คน” คลิปนี้ถูกปล่อยออกมาโดยพนักงาน facebook เป็นคลิปหลุดที่สำคัญที่ทุกท่านต้องชมครับ

ไม่ใช่แค่คลิปของ มาร์ค คลิปของ Bill Gate ก็หลุดออกมาเช่นกัน ในคลิป Bill กำลังอธิบายว่า mRNA จะเข้าไปทำการตัดต่อ เปลี่ยนแปลง DNA ของเราอย่างไร

เป้าหมายของพวกเขาคืออะไร?

เมื่อมีการดัดแปลง DNA เราจะเข้าข่ายการเป็น GMO ตามกฏหมาย GMO (Genetical Modified Organism) จะทำให้ บริษัทที่ดัดแปลงยีนของเรา มีกรรมสิทธ์บนร่างกายหรือชีวิตของเรา ก็คือ พวกเขาจะเป็นเจ้าของพวกเราถูกต้องตามกฏหมาย

ในปี 2013 ศาลได้สรุปการจดสิทธิบัตรบน DNA ของมนุษย์ดังนี้

แปลไทย - cDNA ยังคงรักษาการเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้น exons ของ DNA ซึ่งแตกต่างจาก DNA ที่ ได้รับการดัดแปลงมา เป็นผลให้ cDNA ไม่ใช่ “ผลิตภัณฑ์ของ ธรรมชาติ” และมีสิทธิได้รับสิทธิบัตรภายใต้ §101

หากคุณถูกฉีด mRNA แล้วคุณเป็นคนมีเจ้าของแล้ว และไม่สามารถเข้าถึงสิทธิมนุษยชนอีกต่อไป – ศาลฎีกา 2013 – พยาธิวิทยากับพันธุศาสตร์ สามารถจดสิทธิบัตรได้ (เป็นเจ้าของ)

ในการตัดสินคดีของศาลฎีกาในปี 2556 – Pathology vs Myriad Genetics, Inc – ศาลฎีกาสหรัฐตัดสินว่าคุณไม่สามารถจดสิทธิบัตร DNA ของมนุษย์ได้เนื่องจากเป็น ‘ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ’ อย่างไรก็ตาม ในตอนท้ายของการพิจารณาคดี ศาลฎีกาได้เขียนไว้ว่า ถ้าคุณจะเปลี่ยนจีโนมของมนุษย์ด้วยวัคซีน mRNA (ที่กำลังใช้อยู่ในปัจจุบัน) ก็สามารถจดสิทธิบัตรจีโนม (ที่เปลี่ยนแปลง) ได้

ซึ่งหมายความว่าทุกคนที่ได้รับ ‘วัคซีน’ จะอยู่ภายใต้กฏนี้ตามสิทธิบัตร ที่ Bill Gate ได้จดไว้เรียบร้อยแล้ว ในทางเทคนิคแล้ว สิ่งใดก็ตามที่ได้รับการจดสิทธิบัตรจะ ‘มีเจ้าของ’ และอยู่ภายใต้คำจำกัดความของ ‘Trans-Human’ (หรือที่เรียกกันว่า มนุษย์ 2.0)

ทุกคนที่ถูกระบุอย่างถูกกฎหมายว่าเป็น ‘Trans-Human’ ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิมนุษยชนหรือสิทธิใด ๆ ที่รัฐมอบให้ นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้จัดว่าเป็นออร์แกนิกหรือมนุษย์ 100%

ดังนั้น ในทางเทคนิคแล้ว ใครก็ตามที่มี ‘วัคซีน’ นี้ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิมนุษยชนได้อีกต่อไป มีเอกสารทางกฎหมายสองสามฉบับที่พูดถึงเรื่องนี้เมื่อเร็วๆ นี้

คำพิพากษาศาลฎีกาฉบับเต็ม
www.supremecourt.gov/opinions/12pdf/12-398_1b7d.pdf

มนุษย์ 2.0 คืออะไร?

แน่นอนหากคุณฟังข่าว (ที่ Bill Gate และเครือของเขาเป็นเจ้าของ) ข่าวจะแจ้งว่าเรื่องนี้เป็น ทฤษฎีสมคบคิด นักข่าวเองก็ไม่ทราบเรื่องเหล่านี้ จึงเป็นความสำคัญอย่างยิ่งที่ พี่ๆ นักข่าวทั้งหลายควรศึกษาเรื่องเหล่านี้ เพราะในที่สุด ท่านเองก็จะตกเป็นเหยื่อของแผนการชั่วร้ายนี้ ได้โปรดศึกษา ทำความเข้าใจเรื่องนี้ เพราะท่านสามารถหยุดการส่งเสริมและยุติแผนการนี้ได้ ถ้าท่านยังคิดว่าเรื่องเหล่านี้ไม่จริง ท่านต้องให้คำตอบกับตัวท่านเองได้ว่า…

  • ทำไม บิล เกตส์​ จดสิทธิบัตรการครอบครองมนุษย์​จากการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมของมนุษย์
  • ทำไมจึงมีกฏหมายการเปลี่ยงแปลงพันธุกรรม GMO (Genetically Modified Organism) และการเป็นเจ้าของ
  • ทำไมต้องฉีดยาบำบัดยีน

คุณสามารถแสดงความเป็นเจ้าของมนุษย์ได้ สำหรับผู้คนที่ฉีด mRNA ตามหลักกฏหมาย ไม่ต่างจากไก่ในฟาร์มที่โดยหลักการธรรมชาติพวกเขาก็ควรเป็นอิสระ แต่บริษัทต่างๆ ใช้กฏหมายเป็นเจ้าของชีวิตพวกเขา

ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อไป คนส่วนใหญ่จะไม่เชื่อ ผมจึงเตรียมหลักฐานอย่างแน่นมาแสดง ทำให้คุณต้องจำใจเชื่อเพราะมันชัดเจน มนุษย์ 2.0 คือ… การเชื่อมต่อมนุษย์กับโลกดิจิทัล หรือคล้าย IoT (Internet of Things) ที่เขาเรียกว่า IoB (Internet of Body) เพื่อเชื่อมโยงสมองของมนุษย์เข้ากับ AI ผ่าน 5G โดยตัวรับสัญญาญจะเป็น กราฟีนออกไซด์ ที่บริษัทของ อีลอน มาสก์ ได้พัฒนาแล้ว ที่เรียกว่า Neural Link และ Neural Lace (รายละเอียดโปรดอ่านต่อ) แล้วยังมีตัวไมโครชิพของ บิล เกตส์ ที่สื่อ (ที่กลุ่มเขาเองเป็นเจ้าของ) มักปกป้องเขาโดยการกล่าวหาว่า เรื่องนี้เป็น ทฤษฎีสมคบคิด

สุดท้ายผลิตภัณฑ์ มนุษย์ 2.0 (ซึ่งก็คือเรา) จะมีเจ้าของโดยการใช้หลักกฏหมาย GMO (Genetically Modified Organism) ตามที่ผมได้อธิบายไป

แล้วใครละ ที่จะมาเป็นเจ้าของมนุษย์ 2.0 ?

บุคคลที่ชื่อว่า Bill Gates ที่กำลังพยายามให้ทุกคนบนโลกใบนี้รับยานี้ได้จดสิทธิบัตรการครอบครอง เป็นเจ้าของกรรมสิทธิมนุษย์ที่ได้รับดัดแปลง DNA ถูกต้องตามกฏหมายในนาม Microsoft ไว้เรียบร้อยแล้ว

Human DNA patent US 100001

คุณเริ่มเห็นภาพไหมครับว่าทำไมจึงมีการกดดันให้ทุกคนต้องรับยานี้ ทั้งๆ ที่ ‘ไวรัส’ มีความอันตรายน้อยกว่าไข้หวัดใหญ่ พวกเขาถึงกับปิดโลกเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ มีอีกเรื่องที่หน้าคิดครับ เพื่อรักษาโรคที่มีอัตราการรอดชีวิตที่ 99.9% เราถึงกับต้องใช้ยาเปลี่ยน DNA เลยหรือ มันไม่อลังการไปหน่อยหรือครับ?​

ทำไมต้องเปลี่ยนเราเป็น 2.0 ?

ถ้าคุณเข้าใจเป้าหมายและทิศทางที่คนกลุ่มเล็กๆ ที่มีอิทธิผลสูง และความต้องการของพวกเขาแล้ว คุณจะเข้าใจว่าทำไมเขาจึงต้องการฉีดยาบำบัดยีนนี้ให้ทุกคนบนโลก สังเกตถึงความกดดันที่ทุกคนกำลังได้รับไหมครับ ทั้งๆ ที่โควิดไม่อันตรายแม้แต่น้อยสำหรับคนอายุน้อย พวกเขายังถูกกดดันให้ฉีดไม่งั้นห้ามไปเรียน ห้ามทุกอย่าง พวกเขาละเมิดทุกสิทธิของเรา อัตราการเสียชีวิตของคนอายุต่ำกว่า 25 อยู่ที่ 0.001% แล้วจะบังคับให้ฉีดยาทดลองที่ฆ่าคนอายุน้อยไปแล้วไม่รู้เท่าไหร่ไปเพื่ออะไร?​

วัยรุ่นมีอัตราการเสียชีวิตจากโควิดที่ 1 ใน 1,700,000 คน แต่มีอัตราผลข้างเคียงจาก mRNA ที่ 1 ใน 9 คน เมื่อเห็นตัวเลขนี้ คุณต้องคิดได้แล้วว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั้นผิดปกติ แพทย์ที่ให้ข้อมูลนั้นไม่ตรงต่อความจริง ส่วนสื่อโกหกแบบไม่อายเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

ถ้าหากยานี้สามารถป้องกันการติดเชื้อ หรือ ป้องกันการแพร่เชื้อได้ ผมก็เห็นด้วยแน่นอน แต่ถ้าไม่ได้แล้ว ตรรกะและเหตุผลของการบังคับฉีดคืออะไร?

ผมไม่ใช่ แอนตี้วัคซีนนะครับ ประเด็นคือเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับ วัคซีน หรือ สุขภาพของเรา ผมกำลังพยายามให้ข้อมูลคุณถึงการหลอกลวงที่กำลังเกิดขึ้น ผมกำลังต่อต้านวาระแฝงไม่ใช่วัคซีน คุณจะเริ่มเข้าใจเมื่อคุณเข้าใจเป้าหมายของพวกเขา

Industrial Revolution 4.0 – Connecting Humans to AI through 5G
การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 – เชื่อมต่อมนุษย์กับ AI ผ่าน 5G

เคลาส์ ชวาบ – ผู้ก่อตั้ง World Economic Forum

สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล่า แต่อยู่ในแผนการของการใหญ่ระดับโลก เช่น WEF, UN และ รัฐบาลต่างๆ (ทหาร) ซึ่งมีหลักฐานเป็นเอกสารเป็นทางการอย่างชัดเจน ซึ่งผมจะแสดง 3 หลักฐานของ WEF กองทัพทหาร UK และรัฐบาลของแคนาดา ในบทความนี้

นี้คือสาเหตุที่รัฐบาลทั้งโลกทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพราะมี UN และ WEF อยู่เบื้องบน ไม่แปลกที่ในสถานการณ์โรคระบาด WEF ออกมาประกาศว่า โควิดคือโอกาสที่ดีสำหรับการเปลี่ยนครั้งใหญ่ของโลก The Great Reset หรือ New World Order การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขนาดนี้ ในช่วงโรคระบาด คุณคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ไหมครับ? ​

เรามาเริ่มกันที่แผนการของ WEF หรือ World Economic Forum

World Economic Forum

World Economic Forum ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองโคโลญี เมืองเจนีวา แคนตัน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2514 โดยเคลาส์ ชวาบ องกรนี้ใหญ่กว่า UN และควบคุม UN ซึ่งไปควบคุมรัฐบาล 183 ประเทศทั่วโลกอีกที

WHO ก็เช่นกัน องค์การอนามัยโลกเป็นหน่วยงานเฉพาะของสหประชาชาติ (UN) ที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ถูกก่อตั้งโดย ร็อคกี้เฟลเลอร์

ร็อคกี้เฟลเลอร์ เคลาส์ ชวาบ รอธส์ไชลด์ กลุ่มนี้คืออภิมหาเศรษฐี ที่ก่อตั้งและควบคุมหน่วยงานต่างๆ รวมทั้ง การเงิน ธนาคาร และอื่นๆ คุณต้องเข้าใจว่า WHO WEF UN นั้นมีเจ้าของ องการเหล่านี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้า หรือ ธรรมชาติ ก่อนที่พวกเราจะหลับตาใว้ใจ เชื่อใจทุกอย่างที่พวกเขาพูด เราควรหยุดคิดแล้วตั้งคำถามบ้างไหม?

ภาพด้านบนนี้ผมแค็ปมาจากหน้าแผนการ การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 จากเว็บไซต์ ของ WEF รูปภาพด้านบนมีอะไร? สิ่งที่ผมแสดงให้คุณเห็นคือ แม้แต่ WEF ต้องลบคลิปออกจาก Youtube เป็นคลิปที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาต้องการเชื่อมต่อมนุษย์เขากับ AI หากคุณเห็นคลิปนี้คุณอาจกลัวกับสิ่งที่พวกเขาต้องการทำกับร่างกายของเรา กับชีวิตของเรา ทั้งนี้ทั้งนั้นผมหาคลิปนี้มาให้คุณได้ เชิญรับชมครับ

ผมขอแนะนำให้คุณดูคลิปด้านบนอีกรอบครับ เพื่อเข้าใจว่าเขาต้องการทำอะไรกับมนุษย์ เขาต้องการเข้าถึงความคิดและความรู้สึกของมนุษย์ คำถามต่อไปคือเขาทำกันอย่างไร?

มันไม่ยากครับ ทุกความคิดของคุณ และทุกความรู้สึกของคุณนั้น ร่างกายสื่อสารในรูปแบบของคลื่นไฟฟ้าซึ่งแต่ละความคิดหรือความรู้สึก มีคลื่นความถี่เฉพาะ เขาสามารถใช้อุปกรณ์เหล่านี้วัดความถี่และรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณได้ … ทุกอย่าง คุณกำลังด่ารัฐบาล คุณกำลังมีความรัก คุณกำลังร่วมรัก วันนี้คุณคิดอะไรอยู่ ทำอะไรอยู่ เขารู้ได้หมด

เขายังสามารถส่งคลื่นความคิด ความรู้สึกเข้าในสมองคุณได้ เช่นเขาต้องการให้คุณออกมาประท้วง หรือ มีความเชื่อต่างๆ แม้แต่จะเปลี่ยนศาสนาของคุณก็ยังได้ อาจไม่เกิดขึ้นภายในวันเดียวแต่เมื่อเขาค่อยๆ เริ่มใส่ความคิดเล่านี้ไปเรื่อยๆ จากเรื่องเล็กๆ ไปเรื่อยๆ เขาสามารถควบคุมคุณได้ในทุกรูปแบบ เพราะเขาสามารถเข้าถึงสมองของคุณได้ ลองมาดูต่อครับว่าพวกเขามีแผนชั่วร้ายอะไรอีก

ทุกความเปลี่ยนแปลงที่เขากำลังพูดถึงนั้น พวกเขาแอบฉีดเขาไปในพวกเรา โดยที่ไม่ได้รับความยินยอมจากพวกเรา แถมจะมาบังคับให้ฉีดด้วยซ้ำ … ถ้าคุณได้ฟังเขาดีๆ เขายังพูดอีกด้วยว่าจะต้องดัดแปลง พันธุกรรมของมนุษย์ ซึ่งวิธีการทำนั้นคือการใช้ mRNA

พวกเรายังเป็นเจ้าของชีวิตตัวเองอยู่ไหม?

กระทรวงกลาโหม สหราชอาณาจักร

ที่มา- https://www.gov.uk/government/publications/human-augmentation-the-dawn-of-a-new-paradigm

ด้านบนคือแผนการสำหรับอนาคตของมนุษย์ที่มีการทำเป็นหนังสืออย่างเป็นทางการโดย กระทรวงกลาโหม สหราชอาณาจักร ซึ่งมีชื่อที่ตรงเลย Human Augmentation. ซึ่งหมายถึง เสริมมนุษย์ ในหนังสือ 110 หน้านี้มีระบุรายละเอียดทั้งหมดถึงการเชื่อมโยงมนุษย์เข้ากับโลกดิจิทัล

เว็บไซต์รัฐบาลแคนาดา

ในเว็บไซต์รัฐบาลของแคนาดาก็เช่นกัน มีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างละเอียด

ที่มา: https://horizons.gc.ca/en/2020/02/11/exploring-biodigital-convergence/
แปลไทย - ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เทคโนโลยีไบโอดิจิทัลสามารถถักทอเข้ามาในชีวิตของเราในแบบที่เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นอยู่ในปัจจุบัน ระบบชีวภาพและระบบดิจิทัลกำลังมาบรรจบกัน และสามารถเปลี่ยนวิธีการทำงาน การใช้ชีวิต หรือแม้แต่วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตได้ มากกว่าการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี การบรรจบกันทางชีวภาพนี้อาจเปลี่ยนวิธีที่เราเข้าใจตนเองและทำให้เรากำหนดสิ่งที่เราพิจารณาใหม่ว่าเป็นมนุษย์หรือโดยธรรมชาติ 

เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมต่อ สมองของมนุษย์กับ AI พร้อมนานแล้ว
(ตั้งแต่ 2017)

อีลอน มาสค์ ได้ก็ตั้งบริษัทที่เรียกว่า Neural Link และ Neural Lace

มัสค์กล่าวว่า Neural Lace เป็น "ชั้นดิจิทัลบนเยื่อหุ้มสมอง" ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำการผ่าตัด แต่เป็นการปลูกฝังผ่านหลอดเลือดดำหรือหลอดเลือดแดง (ก็คือการฉีดเข้า) -  https://en.wikipedia.org/wiki/Neuralink

คำถามต่อไปคือ สิ่งที่ฉีดเข้าไปนั้นคืออะไร?

คำตอบ: กราฟีน อ็อกไซด์​

‘กราฟีนอ็อกไซด์’ 

ผมลงคลิปแอนีเมชั่นในหน้า ความลับของวัคซีน mRNA หากคุณสังเกต เขาได้บอกว่าในยาบำบัดยีนเหล่านี้มีสารอะไรบ้าง หนึ่งอย่างที่ทางบริษัทไม่เปิดเผยว่าเขาใส่อะไรลงไปที่เขาระบุในฉลากไว้เป็นรหัส SM 102 นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามค้นหามากเพื่อที่จะรู้ความลับว่า SM 102 คืออะไร ซึ่งยากที่จะหาตัวอย่าง สำหรับการตรวจสอบ เนื่องจากผู้ผลิตบังคับว่าขวดที่ไม่ได้ใช้และหลอดฉีดยาที่ใช้แล้วทั้งหมดจะต้องถูกส่งคืนหลังจากฉีดให้ผู้คน ทำไมต้องปิดเป็นความลับ? ผ่านไปหลายเดือนกระทั่งเริ่มมีคลิปของผู้คนที่ฉีดวัคซีนทำคลิป ปรากฏการณ์แม่เหล็กจากตัวผู้ฉีด

คลิปเช่นนี้มีเกลื่อนอินเตอร์เนต แม้ว่าจะมีแพทย์ไทยชื่อดังจะออกมากล่าวว่าคลิปเหล่านี้เป็นข่าวปลอม ช้อนติดแขนเพราะ “พวกเขาไม่อาบน้ำ ตัวเหนียว” แต่จำนวนคลิปที่ออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ก็ยากที่จะปิดข่าวเหล่านี้ ดูคลิปต่อไปนี้ครับ คุณเห็นช้อนลื่นลงมาแล้วติดใหม่ไหม? คุณคิดว่าผู้คนเหล่านี้ไม่อาบน้ำจริง หรือ แพทย์กำลังโกหกครับ?

เรื่องนี้เป็นอะไรที่แปลกประหลาดมาก และแล้ว นักวิทยาศาสตร์สเปนพบ ‘กราฟีนออกไซด์’ ในวัคซีน

นักวิทยาศาสตร์เสปนพบ กราฟีน อ็อกไซด์ ในวัคซีน

เมื่อเร็วๆ นี้ รายงานจากทีมแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย และอาจารย์จากองค์กร La Quinta Columna ของสเปน ระบุอย่างชัดเจนว่ากราฟีนออกไซด์ที่เป็นพิษสูงไม่ได้มีอยู่เฉพาะใน ‘วัคซีนโควิด’ แต่ยังถูกจัดส่งสู่ผู้คนในหน้ากากและผ่านการป้ายในการตรวจ ‘โควิด’

วัคซีนสำหรับโควิด-19 ทุกยี่ห้อ ได้แก่ AstraZeca, Pfizer, Moderna, Sinovac, Janssen, Johnson & Johnson ฯลฯ ล้วนบรรจุอนุภาคนาโนกราฟีนออกไซด์ในปริมาณมากเช่นกัน

นอกจากนี้ จากการศึกษานี้ ระดับของกราฟีนออกไซด์ในขวด ‘วัคซีน’ บางชนิดมีกราฟีนออกไซด์ถึง 99% และอย่างอื่นเล็กน้อย สารพิษนี้อาจทำให้เกิดโรคปอดบวมเมื่ออนุภาคนาโนเข้าสู่ปอด กราฟีนยังทำให้เกิดรสโลหะและการอักเสบของเยื่อเมือก (mucus membranes) ซึ่งอาจทำให้สูญเสียรสชาติและกลิ่น

  1. ปริมาณของ กราฟีนออกไซต์ ที่อยู่ในวัคซีนนั้นสูงถึง 99% ! ซึ่งอยู่ในทุกยี่ห้อ เราเข้าใจว่าบางทีอาจมีความจำเป็นที่จะต้องใช้สิ่งเหล่านี้ แต่ในวัคซีนทั้งเข็มมีกราฟีนออกไซต์ 99% มั้นไม่ใช่แล้ว ดูเหมือนวัคซีนนี้ไม่ใช่วัคซีนแต่เป็นยาฉีดกราฟีนออกไซต์มากกว่า
  2. กราฟีนออกไซต์ ไม่ถูกระบุไว้ในใบฉลาก และ ที่เรารู้กันว่าบริษัทเหล่านี้ปิด SM-102 เป็นความลับ จึงป็นที่น่าสงสัยว่า SM-102 คือ กราฟีนออกไซต์

คุณสามารถอ่านเรื่องนี้ต่อได้ที่ – นักวิทยาศาสตร์สเปนพบ ‘กราฟีนออกไซด์’ ในวัคซีน

อะไรทำให้เกิดแม่เหล็กนี้?

แม่เหล็กในตัวเกิดขึ้นได้อย่างไรในเมื่อทั้งกราฟีนหรือกราฟีนออกไซด์ไม่เป็นแม่เหล็ก?

สมมติฐานโดย ดร.แอนดรูว์ โกลด์สเวิร์ธี
แม่เหล็กในตัวเกิดขึ้นได้อย่างไรในเมื่อทั้งกราฟีนหรือกราฟีนออกไซด์ไม่เป็นแม่เหล็ก? คำตอบคือทั้งกราฟีนและกราฟีนออกไซด์สามารถนำไฟฟ้าได้เพียงพอผ่านเยื่อหุ้มเซลล์เพื่อดึงดูดอนุภาคซูเปอร์พาราแมกเนติกที่อยู่ใกล้เคียง เช่น เฟอร์ริตินและแมกนีไทต์ เพื่อทำให้ผู้คนที่ได้รับวัคซีนกลายเป็นแม่เหล็กในวงกว้าง เหมือนกับที่แกนเหล็กของแม่เหล็กไฟฟ้ากลายเป็นแม่เหล็กเมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดที่พันอยู่รอบๆ

ในที่สุด มันสามารถแพร่กระจายไปยังทุกส่วนของร่างกายผ่านทางกระแสเลือด เริ่มจากตัวเซลล์เม็ดเลือด รวมถึงเซลล์เม็ดเลือดขาวระบบภูมิคุ้มกันของเรา ต่อด้วยเส้นเลือด หัวใจ ตามด้วยปอด และสุดท้ายคือสมอง

สิ่งนี้ส่งผลต่อเซลล์ในร่างกายอย่างไร?
ไม่ว่ามันจะไปที่ไหน มันสามารถทำลายล้างด้วยการซึมผ่านของเซลล์และมีผลกระทบทางชีวภาพทุกประเภท
ผลกระทบอีกประการหนึ่งคืออาจทำให้มีอาการคล้ายกับภาวะภูมิไวเกินทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EHS) ส่งผลให้เกิดอาการปวดศีรษะทุกครั้งที่เราใช้โทรศัพท์มือถือ หรือเข้าใกล้กับเราเตอร์ WiFi อาจเวียนหัวและคลื่นไส้

บางทีอันตรายที่ร้ายแรงที่สุดคือถ้าคุณมีการสแกนด้วย MRI เมื่อแม่เหล็กที่ทรงพลังอย่างยิ่งในเครื่องพยายามดึงอนุภาคที่เป็นแม่เหล็กเหล่านี้ออกจากร่างกายของคุณ และในกรณีของการสแกนสมองหรือไขสันหลัง การบาดเจ็บอาจเป็นไปได้

ดร.แอนดรูว์ โกลด์สเวิร์ทธี
อาจารย์และเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางชีวภาพ (เกษียณอายุ)
อิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน
ที่มา - https://www.notonthebeeb.co.uk/post/dr-andrew-goldsworthy

มีหลักฐานมากกว่านี้ไหมว่า กราฟีน อ็อกไซด์ อยู่ในวัคซีนจริง?

มีครับ สิทธิบัตรการผลิตวัคซีนสำหรับ โควิด 19 ระบุไว้ชัดเจนว่ามีส่วนผสมของ กราฟีน อ็อกไซด์ สิทธิบัตรหมายเลข – CN 112220919A https://patents.google.com/patent/CN112220919A/en

แปลไทย - วัคซีนโคโรนาตัวใหม่มีกราฟีนออกไซด์

คำถามต่อไปคือ
1. ทำไมต้องใช้ปริมาณสูงเช่นนี้
2. ทำไมต้องปิดเป็นความลับ

ทำไมจึงต้องฉีด ‘กราฟีนออกไซด์’ ในปริมาณที่สูงและเก็บเป็นความลับ?

เพื่อที่จะเข้าใจเรื่องนี้ คุณต้องเข้าใจถึงคุณสมบัติของ กราฟีนออกไซด์ก่อน

กราฟีนเป็นสารประกอบที่บางที่สุดที่มนุษย์รู้จักโดยมีความหนาเพียงอะตอมเดียว ซึ่งเป็นวัสดุที่เบาที่สุดที่รู้จัก… สารประกอบที่แข็งแรงที่สุด [ที่เคย] ค้นพบ แข็งแรงกว่าเพชร… ตัวนำความร้อนที่ดีที่สุดที่อุณหภูมิห้อง [2]… ตัวนำไฟฟ้าที่ดีที่สุดเท่าที่รู้จัก… อาจเป็นสารเชิงนิเวศ ทางออกที่เป็นมิตรและยั่งยืนสำหรับการใช้งานที่แทบไม่จำกัด นับตั้งแต่การค้นพบ…ของกราฟีน การใช้งานในสาขาวิทยาศาสตร์ที่แตกต่างกันได้เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ความถี่สูง เซ็นเซอร์ชีวภาพ เคมี และแม่เหล็ก เครื่องตรวจจับแสงแบนด์วิดธ์กว้างพิเศษ และการจัดเก็บและการผลิตพลังงาน” – ที่มา

Neural Lace – เทคโนโลยีเชื่อมสมองมนุษย์กับอินเตอร์เนตด้วย กราฟีนออกไซด์

ในปี 2017 อีลอน มาสก์ (Elon Musk) ได้ประกาศการตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาชื่อว่า นิวรัล เลซ (Neural Lace) ซึ่งก็คือรูปแบบหนึ่งของส่วนต่อประสานระหว่างสมองกับคอมพิวเตอร์ (BCI – Brain Computer Interface) ซึ่งอำนวยความสะดวกในเส้นทางการสื่อสารโดยตรงระหว่างสมองที่ได้รับการปรับปรุงหรือเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอก

ภายในสมองมนุษย์สื่อสารระหว่างกันและระหว่างร่างกายด้วยคลื่นไฟฟ้า ฉะนั้นการที่มีวัสดุที่สามารถรับส่งคลื่นเหล่านี้ได้ การสื่อสารก็สามารถเกิดขึ้นกับภายนอกได้โดยตรง

คุณอาจคุ้นเคยดีกับรูปภาพนี้ที่มีอุปกรณ์การรับส่งสัญญาญคลื่นในสมองติดบนศีรษะเพิ่ม 1 ชั้น เพื่อเชื่อมต่อสมองมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ แต่สิ่งนี้คือเทคโนโลยีเก่าแล้ว

เทคโนโลยีใหม่คือรูปแบบเดียวกันเพียงแต่อุปกรณ์ชั้นที่อยู่บนกระโหลกจะเข้าไปอยู่ภายในกระโหลกบนเนื้อสมองโดยตรง

อุปกรณ์ชิ้นนั้นคือ กราฟีนออกไซด์ ตามคำพูดของนักวิทยาศาสตร์ในบริษัทของ Neural Lace และวิธีการติดตั้งคือการฉีดมันเข้าร่างกายตามคำพูดของ อีลอน มาสก์ (Elon Musk) เรื่องนี้ไม่ใช่ข่าวปลอม หรือ ทฤษฎีสมคบคิด มันกำลังเกิดขึ้นอยู่จริง ลองชมคลิปต่อไปนี้ครับ

เทคโนโลยีนี้มีจริงหรือ?

นักวิทยาศาสตร์ โฮเซ่ เดลกาโด้ (Dr. Hose Delgado) คิดค้นวิธีการควบคุมสมอง (ความคิด) ของสัตว์ได้สำเร็จตั้งแต่ยุคปี 1965 แล้ว และใน 50 กว่าปีที่ผ่านมา มีการพัฒนาให้อุปกรณ์ให้เล็กลงเรื่อยๆ จนกระทั่งปัจจุบัน มีขนาดเล็กระดับ นาโน ซึ่ง 1 นาโนเมตร เที่ยบเท่ากับ 0.000000001 เมตร เราไม่มีทางมองเห็นหรือรู้ได้ว่าเรากำลังรับสิ่งนั้นเข้าสู่ร่างกายของเรา

ลองรับชมคลิปนี้ที่แสดงถึงการควบคุมในแมวและกระทิง

ยาเข็มนี้ มี ‘กราฟีนออกไซด์’ น่าสงสัยไหมครับว่า พวกเขาต้องการฉีดยาบำบัดยีน ที่สามารถเปลี่ยน DNA และ กราฟีนออกไซด์ ที่สามารถสั่งการจากภายนอกให้กับผู้คนทั่วโลกทำไม เรารู้แล้วว่า Neural Lace มีอยู่จริง ใช้ กราฟีนออกไซด์ เป็นการเชื่อมโยงระหว่างสมองของมนุษย์และ AI ผ่าน 5G หรือ อินเตอร์เน็ตได้จริง เรารู้แล้วว่าใน ‘วัคซีน’ นี้มี กราฟีนออกไซด์ จริง เรารู้แล้วเมื่อเขาเปลี่ยนเราสำเร็จ เขาสามารถเป็นเจ้าของเราได้

เป้าหมายของ ‘วัคซีน’ คืออะไรกัน?

โควิดถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพลักดันวาระทั้งหมดนี้ครับ ถ้าคุณไม่ตื่นตั้งแต่วันนี้ ลูกหลานของคุณ รวมทั้งตัวคุณจะตกเป็นทาสของพวกเขาตลอดไป ทุกวันนี้เราเป็นทาสโซเชี้ยลมีเดียแค่ไหนคุณทราบดี แต่เมื่อเข้าสามารถเข้าไปถึงสมองและความคิดของพวกเราได้ พวกเราจะไม่สามารถกลับมาได้อีก มันคือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ที่จะทำให้คนทั่วโลกตกเป็นทาสของเทคโนโลยี ที่ควบคุมโดยคนไม่กี่คน

นี่คืออีกหนึ่ง สาเหตุที่ผู้คนทั่วยุโรปและประเทศอื่นๆ ออกมาประท้วง ไม่เอา วัคซีนพาส โดยเฉพาะผู้คนที่มีลูกหลาน เพราะสิ่งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะให้พวกเขาต้องฉีดเทคโนโลยีนี้เข้าไปในร่างกายพวกเราเรื่อยๆ และค่อยๆ เปลี่ยนแปลงพวกเราตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป พวกเขาไม่ใช่ผู้ต่อต้านวัคซีน พวกเขากำลังต่อสู้เพื่ออิสรภาพในการเป็นมนุษย์เหมือนเดิมตามที่ธรรมชาติสร้างเรามา พวกเขากำลังต่อต้านวาระที่เรียกว่า Agenda 2030

WEF อยู่ในไทยด้วยไหม?

คุณเข้าใจทุกอย่างแล้วว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น เขาต้องการอะไร และ เขาคือใคร คำถามต่อไปคือ พวกเขาอยู่ในไทยด้วยไหม? สิ่งนี้ไกลหรือใกล้คนไทยมากน้อยแค่ไหน?

แน่นอนครับ ถ้าคุณศึกษาข้อมูลเรื่องเหล่านี้คุณจะรู้ว่า กรุงเทพคือหนึ่งในศูนย์กลางที่ใหญ่ที่สุดของคนกลุ่มนี้ ผมจะไม่เขียนอะไรมากแต่จะให้คุณดูรูปภาพหนึ่งของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ กรมอนามัย

แพทย์ กำลังโกหกคุณ

โลกแห่งอนาคตจะมีรูปแบบปกครองใหม่ตาม NEW WORLD ORDER คือ One World One Government หนึ่งโลกหนึ่งรัฐบาล มนุษย์กำลังถูกเชื่อมต่อและควบคุมโดยเทคโนโลยี ที่ถูกควบคุมโดย อีลีต เหล่านี้ ซึ่งจะขึ้นมาเป็นรัฐบาลโลก และจะมีกลุ่ม นักวืทยาศาสตร์ แพทย์ โปรแกมเมอร์​ ต่างๆ ขึ้นมามีอำนาจแทนนักการเมือง

นี้คือสาเหต์ที่แพทย์กำลังโกหกประชาชน พวกเขาถูกเลือกให้เป็นผู้มีอำนาจในอนาคตแล้ว ณ ตอนนี้ ความรับผิดชอบและหน้าที่ของพวกเขาคือต้องทำให้ผู้คนฉีดสิ่งนี้ให้ได้ หากคุณสังเกตดีๆ แพทย์เริ่มออกมามีบทบาทในการเมืองมากขึ้น พวกเขากำลังตื่นเต้นกับอนาคตใหม่จนเสียสติไปแล้วว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่

ถ้าคุณเริ่มศึกษาข้อมูลอย่างลึกและละเอียด ตั้งคำถาม เปรียบเทียบข้อมูลทั้งสองฝั่ง คุณจะเห็นได้ชัดเจนมากว่าแพทย์คนไหนที่กำลังโกหก และแพทย์คนไหนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฟังแต่เบื้องบน และปฏิเสธ ทุกข้อมูลอื่นว่าเป็นข่าวปลอม ไม่คิด ไม่ตั้งคำถาม ไม่ทำการบ้าน ฉีดเองและแนะนำให้ผู้อื่นฉีด หรือ กลุ่มแพทย์ที่รู้แต่ไม่กล้าออกมาพูดความจริง พวกเขาคงคิดว่า ‘ปล่อยตามน้ำไป’ เดี๋ยวมันก็คงจบ

คุณเองก็เช่นกันครับ (ด้วยความเคารพ) หากคุณคิดว่าคุณจะไม่ฉีดและอยู่เฉยๆ ไม่ตักเตือนผู้อื่น แเล้วคิดว่าเดี๋ยวมันก็จบ คุณกำลังคิดผิด เพราะพวกเขาจะมาตามคุณ และครอบครัวของคุณ

เริ่มต้นจากการทำให้คุณเป็นมนุษย์ชั้น 2 โดยการค่อยๆ ตัดสิทธิของคุณ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการ เดินทาง ทำงาน กิจกรรมทางสังคม การรับการรักษา แม้กระทั่งการเข้าถึงอาหาร (ใช่ครับ Bill Gate และ เครือกำลังกวาดซื้อพื้นที่เกษตรทั้งหมด ปัจจุบัน พื้นที่เกษตรกว่า 70% ในสหรัฐ เป็นของ Bill Gate คนเดียว)

แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงในอนาคตอันใกล้นี้คือ เมื่อแพทย์ (ซึ่งเริ่มทำให้เห็นแล้ว) เริ่มโทษผู้ที่ไม่ฉีดเป็นพวกแพร่เชื้อทำให้ผู้ฉีดป่วยล้มตาย ผู้ที่ฉีด ที่สูญเสียอิสรภาพในการคิดจากการถูกควบคุมสมอง นั้นจะเริ่มดิ้นรนเอาตัวรอดจากความตาย ซึ่งในความคิดของพวกเขาคือ คุณ (ผู้ไม่ฉีด) คือสาเหตุความตายของพวกเขา อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อถึงวันนั้น คุณคิดเองต่อแล้วกันครับ

พวกเขาจะไม่สามารถคิดได้แม้แต่ว่า ถ้าฉีดแล้วรอด ผู้ไม่ฉีดต่างหากที่ต้องตายไม่ใช่หรือ ถ้าผู้ไม่ฉีดเป็นผู้แพร่เชื้อ ผู้ไม่ฉีดต่างหากที่จะต้องโดนเชื้อแล้วตาย ไม่ใช่รอดแล้วทำให้ผู้ฉีดตาย อีกอย่าง ทำไมคนที่ฉีดจะต้องตายถ้าคนไม่ฉีดไม่เป็นอะไร สรุปสาเหตุการตายคือไวรัสหรือวัคซีนกันแน่?

เมื่อสิ้นสุดวาระนี้ในปี 2030 ประชากรจะลดลดลงไป หลักหลายพันล้านคน และพวกที่รอดมาได้จะไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นมนุษย์ 2.0 ที่เป็นกีงมนุษย์กึง AI ที่มีอีลีตเป็นเจ้าของ

ทุกวันนี้ผู้คนเยอะมากยอมฉีด ‘แค่สองเข็ม’ จะได้จบๆ ไป จะได้เดินทางได้ มันไม่จริงครับ คุณกำลังถูกหลอกให้ฉีดคราวละ 2 เข็ม หลังจาก 2 เข็มนี้แล้วสิทธิของคุณก็จะถูกริปไป และสถาณะของคุณจะมาเหมือนคนที่ยังไม่ได้ฉีด สุดท้ายคุณจะต้องฉีดเพิ่ม 1-2 เข็มทุกๆ 6 เดือน อย่างที่กำลังเกิดขึ้นในอิสราเอล แคนาดาและที่อื่นๆ

กระทรวงสาธารณสุขของอิสราเอลกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป "บัตรผ่านสีเขียว" ที่จำเป็นสำหรับการเข้าการชุมนุมและสถานที่สาธารณะบางแห่งจะหมดอายุไม่เพียงแค่หกเดือนหลังจากที่ผู้ถือได้รับเข็มที่สอง แต่อีกหกเดือนหลังจากเข็มที่สาม - https://www.rt.com/news/533416-israel-expanded-vaccine-children/

พวกเขาผลิตวัคซีนปลอมนี้ล่วงหน้าจนถึงปี 2023-2024 ไว้เรียบร้อยแล้วครับ

รัฐบาล แคนาดา ตกลงเซ็นสัญญาซื้อวัคซีนจนถึงปี 2024

ที่สำคัญรัฐบาล แคนาดา (และอื่นๆ) ตกลงเซ็นสัญญาซื้อวัคซีนจนถึงปี 2024 คุณคิดว่าพวกเขาลงทุนเป็นหมื่นๆ ล้านเพื่อนำไปทิ้งไหมครับ? ไม่ เขามีแผนฉีดให้พวกเราอย่างต่อเนื่อง แล้วเขาต้องทำยังไงให้คุณยอมฉีด ก็ทำให้กลัวครับ แล้วหน้าที่ของใครในการทำให้คนกลัว หมอครับ แล้วทำการตลาดความกลัวโดยสื่อ ตามด้วยกฎเกณฑ์มาตรการการบังคับฉีดโดยรัฐบาล พอคนตายก็โทษคนที่ไม่ได้ฉีดไปแพร่ให้คนที่ฉีด คนที่ฉีดก็ดันเชื่ออีก นี้คือสงความทางจิตวิทยาครับ

Moderna เตรียมผลิตวัคซีนไว้ล่วงหน้า (ผมถามหน่อยเขารู้ได้ไงว่าไวรัสจะกลายพันธ์เป็นอะไรในปี 2024? ไวรัสไม่มีอยู่จริงนะครับ นี้ไม่ใช่โรคระบาดของโคโรน่าไวรัส ผมรู้ว่าคนกำลังเสียชีวิต แต่สาเหตุมาจากอย่างอื่น ไว้จะอธิบายครับ )

ถ้าเราปล่อยให้ทุกอย่างไปในทางที่พวกเขากำลังพาไป เราจะไม่มีวันได้กลับไปใช้ชีวิต เหมือนที่เราเคยมีมา เพราะเรากำลังไปในทาง New World Order ซึ่งก็คือการถูกคุมและตัดอิสรภาพออกหมด วาระนี้เรียกว่า Agenda 2030 หรือ Agenda 21 คุณต้องการชีวิตแบบไหน? ถ้าคุณต้องการแบบเดิม คุณต้องลุกขึ้นทำอะไรแล้วครับ เพราะ แพทย์ รัฐบาล และ ผู้มีหน้าที่ดูแลประชาชนเขาต้องการ Agenda 2030

เป้าหมายของพวกเขาคือ การควบคุมมนุษย์ในทุกรูปแบบ
ตั้งแต่ ความคิด ความรู้สึก การเงิน การเดินทาง… ทุกอย่าง

เรื่อง Mind Control หรือ ควบคุมความคิดมนุษย์ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีอยู่ในแผนการมานานแล้วครับ คลิปนี้ Dr. Pierre Gilbert พูดถึงทุกสื่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งก็คือการสร้างไวรัสปลอม และ บังคับฉีด ‘วัคซีน’ เพื่อควบคุมสมองมนุษย์ คลิปนี้ออกมาตั้งแต่ 26 ปีที่แล้ว

สุดท้าย แพทย์ไทยจากจุฬาออกมาพูดความจริงจนได้

ผมเคยบอกหลายรอบมากว่าแพทย์รู้ทุกอย่างแต่ไม่ออกมาพูด พวกท่านปล่อยให้ผู้คน และ เด็กๆ ฉีดยาพิษนี้เข้าไป แต่สุดท้ายก็มีแพทย์ผู้กล้าออกโรงแฉความจริงครับ มาช้าดีกว่าไม่มา ผมดีใจ ชื่นชม และขอบคุณท่านมากๆ เพียงแต่ผมเห็นใจผู้คนที่ฉีดไปแล้วและมารับรู้ข้อมูลเหล่านี้ หลังจากที่ฉีดแล้ว พวกเขาจะนอนหลับกันไหม?

คลิปต่อไปนี้เป็นคลิปยาว 2 ชม ลง Youtube แล้วถูกลบไปแล้วเรียบร้อย คุณสามารถดูคลิปเต็มได้ที่ หน้านี้ครับ

ส่วนแพทย์อื่นๆ ที่ยังเงียบอยู่ ก็แล้วแต่พวกเขา เงียบต่อไปก่อนปล่อยให้ผู้คนฉีดไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีแพทย์ออกมาเตือนเราเลย ศาสตราจารย์ ดร. สุจริต ภักดี ท่านและแพทย์ดีๆ ทั่วโลกออกมาเตือนตั้งแต่ต้นปีแล้วครับ

ตอนนี้เป็นหน้าที่ของพวกเรากันเองที่จะต้องช่วยเหลือกันและกันโดยการบอกต่อครับ

แพทย์โซเชี้ยลต่างๆ ที่ปล่อย Fake News ทำให้ผู้คนเข้าใจผิดกำลังสร้างความสูญเสีย เช่น เด็กควรฉีดเพราะเด็กจะนำพาไวรัสจากข้างนอกมาแพร่ในบ้าน

แต่คุณทราบไหมครับว่า วัคซีนจอมปลอมนี้ไม่สามารถป้องการติดเชื้อได้ แล้วฉีดให้เด็กเพื่อไม่ให้นำเชื้อมาแพร่ในบ้านได้อย่างไร? คุณคิดว่าหมอไม่รู้เรื่องเหล่านี้หรือครับ? เขารู้แต่เขาโกหกเพราะเขารู้ว่าคนส่วนใหญ่ไม่คิด หลับตาเชื่อหมออย่างเดียว

Asymtomatic case หรือผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการนั้น ไม่สามารถแพร่เชื้อได้ WHO องค์การอนามัยโลกออกมาพูดเอง (น่าจะหลุดปาก) ซึ่งสำนักข่าวอย่าง Forbes และ CNBC ก็ทำข่าว (แบบเงียบๆ ลงในเว็บไซต์) ว่า ผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการแทบไม่สามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้

แปลไทย “WHO กล่าวว่าการแพร่กระจายของ โคโรน่าไวรัส โดยไม่มีอาการ ‘ยากมาก’ “

ความแตกต่างของข้อมูลโดยแพทย์ที่ได้ออกทีวี และ แพทย์ที่ถูกเซนเซอร์ + ถูกโจมตีโดยสื่อ

ขอเขียนซ้ำครับ – “WHO กล่าวว่าการแพร่กระจายของ โคโรน่าไวรัส โดยไม่มีอาการ ‘ยากมาก’ “

ทุกวันนี้ที่ล็อกดาวน์ทำให้ทุกคนหมดตัวเพราะป้องกันการแพร่เชื้อจากผู้คนที่ติดแล้วไม่มีอาการไม่ใช่หรือ?​ แต่มันไม่แพร่ แล้วเขาปิดโลกทำไม?

เขาทำแบบนี้เพราะต้องการทำลายกิจการทั้งหมด มันเป็นขั้นตอนในการควบคุมการเงินครับ ทำให้ทุกคนหมดตัวแล้วจะมี สกุลเงินใหม่ CBDC (Central Bank Digital Currency) ที่จะเชื่อมกับไมโครชิพในตัวพวกเรา พวกเขาถึงได้พลักดัน วัคซีน Passport กันอย่างหนัก เพราะวัคซีน passport นี้จะเริ่มต้นจากการเป็นกระดาษ แล้วมาเป็นแอ็ปในมือถือ แล้ว สุดท้ายจะมาเป็นไมโครชิพฝังในตัว

คุณคิดว่าไม่จริงหรือเปล่าครับ? ถ้างั้นเรามาดู เคลาส์ ชวาบ – ผู้ก่อตั้ง World Economic Forum พูดเองเลยครับ

การโจมตีเด็ก

ผู้ปกครองทั้งหลายครับ สถิติอย่างเป็นทางการชี้ให้เห็นว่า เด็ก 12-18ปี มีอัตราการเสียชีวิตจาก โควิด 1 ใน 1.7ล้านคน หรือ 0% ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา แต่วัคซีนอันตรายต่อเด็กมากกว่าโควิด 7 เท่า ท่านทราบเรื่องนี้ไหมครับ? ลองอ่านเรื่องนี้ได้ที่บทความ – วัคซีนอันตรายต่อเด็ก มากกว่า โควิด 7 เท่า (แต่ผมบอกได้เลยเมื่อมีการฉีดมากขึ้นเรื่อยๆ จะมีการเสียชีวิตของจริงเพราะวัคซีนนี้เป็นวัคซีนแพร่กระจาย คนที่ฉีดสามารถแพร่ Spike Protien ให้คนที่ไม่ฉีดได้)

ถ้าโควิดไม่อันตรายต่อเด็กแล้วทำไมมีข่าวการเสียชีวิตของเด็กมากขึ้น?

ลองมาฟังแพทย์ท่านนี้พูดถึงโควิดและเด็กกันครับ ว่าท่านค้นพบการหลอกลวงอะไร

เมื่อรับรู้ข้อมูลความจริงแล้ว และถ้าย้อนเวลากลับไปได้ คุณคิดว่าครอบครัวนี้จะยังให้ลูกของเขาฉีดไหมครับ?

ผมขอแสดงความเสียใจด้วยครับ

วัคซีนนี้อันตรายแค่ไหน?

สิ่งนี้ไม่ใช่วัคซีนครับ มันถูกออกแบบมาเพื่อทำร้ายพวกเรา ผมเขียนเรื่อง ADE ไปแล้ว และจะเขียนเรื่องภัยจากกราฟีน อ็อกไซด์ และ โปรตีนหนามในบทความต่อไป วัคซีนฆ่าผู้คนมากกว่าที่มันช่วยอย่างเป็นทางการ เราไปฟังคลิปนี้ของ FDA กันครับ

บุคลากรทางแพทย์ ของอิตาลี เปิดโปงผู้ป่วย ICU จริงแล้วคือผู้รับ 2 โดส

ในบทความต่อไป ผมจะเขียนเรื่อง

  • คนที่ฉีดแล้วจะเป็นอะไรไหม? แล้วแก้ไขอะไรได้บ้าง ? (เขียนตามที่แพทย์พูดนะครับ ไม่ใช่ความคิดส่วนตัว)
  • ไมโครชิพคืออะไร ?
  • ไวรัสมีอยู่จริงหรือไม่? (ถ้าไม่จริง แล้วคนเสียชีวิตได้อย่างไร)
  • โปรตีนหนามในวัคซีนคืออะไร? (อาวุถ)
  • ผู้คนเสียชีวิตจากวัคซีนไปแล้วกี่คน? (หลักแสน/ล้าน)
  • ที่สำคัญที่สุด คนที่ฉีดไปแล้วจะทำอะไรได้บ้าง เพื่อเอาสิ่งนี้ออก

สนับสนุนเรา

หากคุณชอบผลงานของเรา เห็นความสำคัญในสิ่งที่เราทำ และประสงค์ที่จะสนับสนุนเราให้ทำสิ่งนี้ต่อไป โปรด สบับสนุนเราที่นี้ครับ ขอบคุณครับ

รับข้อมูล เข้ากลุ่ม พูดคุยกับผู้อื่น

ยังมีข้อมูลอีกมากมายที่ผมไม่ได้ลง คุณสามารถรับข้อมูลเหล่านี้ได้ในกลุ่มครับ (เราแนะนำกลุ่มบนแอ็ป Telegram ครับ)

บทความ / คลิปต่อไป – EP.1 – มนุษย์สร้างไวรัส

เมื่อโควิดเริ่มระบาด กลุ่มแพทย์ และ นักวิทยาศาสต์ เริ่มออกมาเตือนผู้คนว่า โดวิดคือการหลอกลวง ต่อมาข้อมูล คลิป และ channel ของท่านเหล่านี้ เริ่มถูกลบออกจากโซเชียลทั้งหมด ผมจึงเริ่มสงสัยและตามเข้าไปในเว็บไซต์ส่วนตัวของพวกท่าน แล้วได้รับข้อมูลต่างๆ ที่ผมนำมาแชร์ให้คุณทราบ ผมไม่ใช่หมอ และเว็บไซต์นี้ไม่ใช่เว็บไซต์การให้คำปรึกษาทางการแพทย์ ผมเพียงแต่แสดงข้อมูล (และแปลข้อมูลเป็นภาษาไทย) ของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณรับข้อมูลที่กำลังถูกเซนเซอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คุณไปพิจรณาเอาเองว่า อะไรถูก อะไรผิด และ คุณควรทำอะไรซึ่งจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เรื่องนี้สำคัญ ผมไม่แบ่งปันข้อมูลเหล่านี้กับผู้อื่นไม่ได้ ผมจึงออกมาทำเว็บไซต์นี้ หากคุณคิดว่าคนไทยคนอื่นควรรับรู้ข้อมูลเหล่านี้ โปรดแชร์ครับ สุดท้าย ผมคิดว่าพวกเราต้องรักษาสิทธิ์ของเรา ไม่ให้มีการบังคับฉีดยาทางอ้อม ร่างกายของเรามีเพียงเราเท่านั้นมีสิทธิ์บนร่างกายนี้ ขอบคุณครับ

1 COMMENT

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.