ภัยเงียบของแมส

คลิปสรุปบทความนี้

คุณได้สังเกตหรือไม่ ตั้งแต่มีการบังคับสวมแมส จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น สถิตินี้เกิดขึ้นทั้วโลกครับ ในบทความนี้ ผมจะแสดงข้อมูล 5 อย่าง ที่หมอและรัฐบาลไทยไม่บอกประชาชน แต่กลับแนะนำและบังคับการใส่แมส

  1. ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ที่สูงก่อให้เกิด Hypercapnia (ร่างกายเป็นกรด ติดเชื้อง่าย)
  2. ระดับออกซิเจนที่ต่ำ ก่อให้เกิด Hypoxia (ยับยั้งการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน)
  3. การป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น
  4. การป้องกันตัวเอง
  5. การติดเชื้ออื่นๆ ด้วยแมสผ้า
  6. ทำไมแพทย์แนะนำให้ใส่ แมส

ถ้าคุณพร้อมระทึกแล้ว เรามาเริ่มกันเลยครับ

1. ผลกระทบของระดับ CO2

สุขภาพของคนเราโดยรวมขึ้นอยู่กับการสูดลมหายใจ ตามมาตรฐานของการแพทย์​ ระดับคาร์บอนไดออกไซด์มีเกณฑ์ดังต่อไปนี้

  • ระดับกลางแจ้งปกติ: 250 – 350 ppm
  • ระดับที่ยอมรับได้: 350-600 ppm
  • ข้อร้องเรียนเกี่ยวกับความเข้มและกลิ่น: 600 – 1,000 ppm
  • เกิดอาการง่วงนอนทั่วไป: 1,000 – 2,000 ppm
  • มีผลต่อสุขภาพเช่น ปวดหัว, คลื่นไส้, ง่วงนอน, สมาธิไม่ดี, เสียสมาธิ, อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น: 2,500 – 5,000 ppm
  • ผิดปกติ (ห้ามอยู่ในสภาวะนี้เกินกว่า 8 ชม ในกรณีสิ่งแวดล้อมของแรงงาน) : >5,000 ppm

เวลาที่เราใส่แมส ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ที่เราหายใจเพิ่มเป็นขึ้นเป็น 10,000+ (คลิป 3 นาที)

คุณสามารถดูคลิปอื่นๆ ได้ที่นี้ครับ มีการทดลองเยอะครับ –> https://www.bitchute.com/search/?query=mask%20&kind=video

ระดับ CO2 ในเลือดที่สูง ก่อให้เกิด Hypercapnia (ไฮเปอร์แคปเนีย)

Hypercapnia เกิดจากคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ส่วนเกินในร่างกาย ภาวะดังกล่าวสังเกตได้จากการ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ และเหนื่อยล้า รวมทั้งภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ชักหรือหมดสติ – VeryWellHealth.com

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเราเป็น Hypercapnia?

Hypercapnia จะเปลี่ยนความสมดุลของค่า pH ของเลือด ทำให้เป็นกรดมากเกินไป สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้ช้าหรือกะทันหัน ถ้ามันเกิดขึ้นช้า ร่างกายของคุณอาจจะสามารถรักษาตัวเองได้โดยการทำให้ไตทำงานหนักขึ้น ไตของคุณจะปล่อยและดูดกลับไบคาร์บอเนต ซึ่งเป็นรูปแบบของคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งช่วยให้ระดับ pH ของร่างกายสมดุล

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันซึ่งเรียกว่าภาวะโพแทสเซียมสูงเฉียบพลันนั้นอันตรายกว่าเพราะไตของคุณไม่สามารถรับมือกับการพุ่งขึ้นของมันได้ นี้มักจะเกิดขึ้นถ้าคุณมีกรณีที่รุนแรงของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังหรือถ้าคุณมีอาการวูบวาบ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด คุณอาจหายใจช้าเกินไป ซึ่งหมายความว่าคุณไม่ได้รับอากาศและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอัตราที่เหมาะสม ในกรณีใส่แมส คนทั่วไปอาจไม่ได้มีโรคเหล่านี้แต่ไม่ได้รับอากาศและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอัตราที่เหมาะสมเพราะสวมแมส

เมื่อร่างกายเป็นกรด คุณมีสิทธิติดเชื่อต่างๆ ได้ง่าย ไม่ใช่เพียงแค่ไวรัสโคโรน่าเท่านั้น สรุปคือ ใส่แมสแล้วยิ่งทำให้เป็นโควิด

คุณหมอ วิชัย “ร่างกายเป็นกรด ติดเชื้อ”

ลองฟังคุณหมออีกท่านหนึ่ง “ร่างกายยิ่งเป็นกรด ยิ่งติดโควิดง่าย”

2. ผลกระทบของระดับ อ็อกซิเจน

เมื่อร่างกายของคุณมีออกซิเจนไม่เพียงพอ คุณอาจได้รับภาวะขาดออกซิเจน สิ่งเหล่านี้เป็นเงื่อนไขที่อันตราย หากไม่มีออกซิเจน สมอง ตับ และอวัยวะอื่นๆ อาจเสียหายได้ภายในไม่กี่นาทีหลังจากเริ่มมีอาการ และภาวะ Hypoxia สามารถเกิดขึ้นกับคุณได้ – Webmd.com

Hypoxia – ยับยั้งการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน

Hypoxia มีผลโดยตรงกับภูมิคุ้มกันของเรา เรื่องนี้มีวิจัยมากมายครับ ระดับออกซิเจนต่ำในเนื้อเยื่อ (ภาวะขาดออกซิเจน) สามารถยับยั้งการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน หากเกิดภาวะนี้ระยะยาวอาจก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาอย่างลบเลี่ยงไม่ได้ เพราะออกซิเจนคือพื้นฐานของทุกระบบในร่างกายของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสมอง ตับไต หัวใจ หรือ ไมโครเซลล์ที่มีผลต่อๆ กัน

เรื่องนี้เรื่องใหญ่ครับ หากคุณลองค้นหา “hypoxia suppress immune system” ใน Google คุณจะตกใจ มีอีกหลายอย่างที่ผมไม่เขียนเกี่ยวกับ Hypoxia เพราะมันเยอะจนผมไม่รู้จะเริ่มและจบที่ไหน ช่วงนี้คือช่วงที่พวกเราต้องการให้ ภูมิคุ้มกันทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ถูกกดการทำงาน

ระดับออกซิเจนต่ำในเนื้อเยื่อ (ภาวะขาดออกซิเจน) สามารถยับยั้งการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน

วัดระดับ อ็อกซิเจน เมื่อสวมแมส

ระดับปกติอยู่ที่ 20.5-21%
รอบแรก 18.9%
รอบที่สอง 15.5%
รอบที่สาม 18.0%
รอบที่สี่ 16.4%

ลองฟังคลิปของคุณหมอท่านนี้ครับ สำหรับผม หัวใจของข้อความในคลิปนี้คือ ออกซิเจนสำคัญที่สุด “ถ้าคุณได้รับออกซิเจนที่เพียงพอ คุณไม่ต้องฉีดวัคซีนก็ได้” ชัดเลยครับ ทำไมคนถึงได้เสียชีวิตกัน แมสครับกำลังลดออกซิเจนของเรา

3. การป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น

จุดนี้คือจุดที่กลุ่มแพทย์ ใช้เกมส์จิตวิทยาเล่นกับประชาชนโดยการอ้างว่า เราควรใส่แมสเพื่อไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่น พวกเราจึงใส่เป็นความรับผิดชอบต่อสังคมแม้ว่าใส่แล้วจะหายใจไม่ออกก็ตาม คุณทราบมั้ยครับ

แมส ไม่สามารถป้องกันการ แพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้

ผลวิจัย: https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/33215698/

สาเหตุคือ แม้แมสจะหยุดละอองฝอยขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักกว่าอากาศได้ แต่เชื้อส่วนใหญ่แพร่ทาง Aerosol ซึ่งยังๆ แมสก็เอาไม่อยู่แม้จะเป็น N95 ก็ตาม

4. การป้องกันการติดเชื้อ

เช่นกันครับ แมสไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ มีการวิจัยและหลักฐานมากมายตามลิ้งค์ด้านล่างนี้ ทุกวิจัยมีผลพิสูจน์เป็นเสี่ยงเดียวกันคือ …

แมสไม่สามารถป้องกันการ ติดเชื้อได้

หลักฐานการวิจัยของข้อ 3 และ 4

ผลรวมของการทดลองแบบสุ่มไม่ได้แสดงการลดลงของการติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจอย่างชัดเจนด้วยการใช้หน้ากากทางการแพทย์/Surgical mask ระหว่างโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล

แมสไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ และไม่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ ไม่ว่าจะเป็น แมส N95 ก็ไม่สามารถทำได้ทั้งสองทาง นี้คือผลการวิจัยหลายครั้ง ที่ชึ้ให้เห็นเป็นเสียงเดียวกัน

ดร. เท็ด โนเอล แสดงให้เห็นว่า ความเชื่อที่ว่าหน้ากากป้องกันการติดเชื้อได้ไม่จริง

5. แมสผ้า ยิ่งทำให้เพิ่มโอกาสติดเชื้อมากขึ้น

การใช้แมสผ้านอกจากไม่ช่วยอะไรแล้ว ยังทำให้คุณมีโอกาสติดเชื้อมากขึ้นอีกด้วย เนื่องจากผ้าเก็บความชื้นและมีคุณสมบัติดักจับทั้งฝุ่นและเชื่อโรคต่างๆ ได้ดีกว่าแมสทั่วไป ด้านล่างนี้ผมได้แค็บภาพ ผลสรุปของการวิจัยและแปลเป็นภาษาไทยใต้ภาพครับ

ที่มา : https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4420971/
แปล - การศึกษานี้เป็น RCT ครั้งแรกของหน้ากากผ้า และผลที่ได้เตือนไม่ให้ใช้หน้ากากผ้า นี่เป็นข้อค้นพบที่สำคัญในการให้ข้อมูลด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย การกักเก็บความชื้น การใช้หน้ากากผ้าซ้ำ และการกรองที่ไม่ดีอาจส่งผลให้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อแจ้งการใช้หน้ากากผ้าอย่างแพร่หลายทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน ไม่ควรแนะนำหน้ากากผ้าสำหรับ HCW (Health Care Worker) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูงและจำเป็นต้องปรับปรุงแนวทางปฏิบัติ

Fact Check โดยสื่อ

ทำไมข่าวที่ออกมา Fact Check อ้างว่าข้อมูลเช่นในหน้านี้เป็นข้อมูลเท็จทั้งๆ ที่มีหลักฐาน เพราะพวกเขาอ้างคำพูดต่างๆ ของแพทย์และผลวิจัยที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ได้ผลตามที่ต้องการ (เพิ่มเติมด้านล่าง)

ทำไมแพทย์แนะนำว่า แมส ช่วยป้องกันการแพร่เชื้อได้ ?

แพทย์อ้างอิงจากผลการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า แมส ลดการแพร่เชื้อได้จริง ผมจะแสดงผลการวิจัยฉบับนั้นและ อธิบายว่านักวิจัยทำอย่างไรให้ผลออกมาตามจุดประสงค์​

สิ่งที่พวกเขาทำคือ เขาเอาตัววัดอนุภาคที่มีลักษณะคล้ายกับไมค์ตั้งไว้ข้างหน้า และให้คนที่เข้าการทดลองเปา ไอ จาม และ หายใจปกติและวัค อนุภาค ที่ออกมา หลังจากนั้นนักวิจัยให้ผู้เข้าการทดลองใส่แมสแล้วทำการ เปา ไอ จาม และ หายใจปกติ อีกรอบ แน่นอนครับว่า ตัววัดค่า อนุภาค วัดได้น้อยลงแล้วเขาก็สรุปว่า แมส ช่วยการป้องกันการติดเชื้อได้ 74-90%
การวิจัย: https://www.nature.com/articles/s41598-020-72798-7

ข้อสังเกตที่ 1:

ภาพนี้ผมนำมาจากผลการวิจัย รบกวนสังเกตการ เซ็ตอัพ (Setup) ครับ นักวีจัยตั้งเครื่องวัดไว้ข้างหน้าผู้เข้าทดลองพอดี แล้ว ใช้ตัวกรวย Funnel) กันเอาไว้ไม่ให้ molecule ที่ออกมาทางอ้อม (เหมือนในชีวิตจริง) เข้าถึงตัวเครื่องวัด แน่นอนครับว่าตัวเลขต้องน้อยลง แต่ในชีวิตจริงการแพร่ไม่ได้เป็นอย่างที่เข้าจัดตั้ง เพราะในชีวิตจริงลมหายใจจะออกมาจากด้าน บน ล่าง ค้าง แล้ววนไปด้านหน้า ตามคลิปที่แสดงให้เห็น

ข้อสังเกตที่ 2: ในการวิจัยระบุไว้ว่า

ประสิทธิภาพการนับ APS ลดลงต่ำกว่า ~ 0.5 µm และด้วยเหตุนี้การนับอนุภาคระหว่าง 0.3 ถึง 0.5 µm จึงน่าจะประเมินค่าจำนวนจริงต่ำไป

หมายความว่าอย่างไรครับ? ​หมายความว่าเครื่องที่เขาใช้ ไม่สามารถนับอนุภาคระหว่าง 0.3 ถึง 0.5 µm แล้วไวรัสมีขนาดเท่าไหร่? 0.25 – 0.5µm (เฉลี่ยที่ประมาณ 0.25-0.3µm) จบข่าวครับ เครื่องนี้ไม่เหมาะสมแก่การใช้ทำวิจัยด้วยซ้ำ การวิจัยที่ถูกต้องและแม่นยำต้องเป็นแบบ RCT และมาจากหน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐฯ​ nih.gov ที่ผมได้แสดงข้างต้น

สรุป

แมสไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ หรือ ป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ นอกจากนี้ยังก่อให้เกิด Hypercabnia ซึ่งทำให้ร่างกายเป็นกรดจึงติดเชื้อโควิดง่ายขึ้น และในขณะเดียวกันก่อให้เกิดภาวะ Hypoxia ที่กด/ยับยั้งการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน เมื่อรวมกันแล้ว เป็นอาวุธที่ทำร้ายพวกเราอย่างรอบด้านครบทุกประการ เรื่องนี้นักวิทยาศาสต์ที่ถูกเซนเซอร์ออกมาเตือนมากมาย คุณสามารถหาข้อมูลของท่านเหล่านี้ได้ที่ Bitchute.com แล้วค้นหาคำว่า Mask

ผมขอเชิญชวนให้คุณลองพิมพ์ผลการวิจัยแล้วลองไปปรึกษาแพทย์ครับ แล้วตั้งคำถามเข้าถึงแก่นให้ได้ หากคุณหมอบอกว่าแมสช่วยได้ ลองขอท่านผลวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าแมสป้องกันการแพร่เชื้อแบบ aerosol ได้ และ ขอให้ท่านอธิบายผลการวิจัยที่สรุปแล้วว่า แมสไม่สามารถป้องกันได้ ให้ท่านดูคลิปทั้ง 3 คลิปก็ได้ครับ แต่รบกวนอย่าปล่อยให้ทุกอย่างไปตามน้ำ เพราะ เราทุกคนกำลังเดินไปสู่วาระ Agenda 21 ( 21 หมายถึงศตวรรษที่ 21 ไม่ใช่ปี 2021นะครับ ) ซึ่งมีหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ ลดประชากรโลกให้สำเร็จภายในปี 2030 การสวม แมส คือการทำลายภูมิต้านทานอย่างช้าๆ

ลองปิดข่าวปิดสื่อสักพักและนั่งคิดด้วยสติ ปราศจากความกลัว ครับว่า

  • จำนวนผู้ติดเชื้อ 92% เป็นผลเท็จ (False Positive)
  • จำนวนผู้เสียชีวิต 94% มีสาเหตุอื่นร่วม (Deaths with comorbidity)
  • สื่อ แพทย์ และ รัฐบาล กล่าวข้อมูลจริงเป็นปลอมหนักมาก
  • มีการปิดบังข้อมูลเช่น อัตราการเสียชีวิตของไข้วัดใหญ่กับโควิดพอๆกัน (0.1%)
  • มีการปิดบังข้อมูลเช่น คนอายุน้อยกว่า 49 มีอัตราการเสียชีวิตที่ 0.0068% ซึ่งน้อยกว่า ไข้หวัดใหญ่ 14.7 เท่า
  • ยารักษาก็มี เช่น hydroxychloroquine หรือ Ivermectin แต่ถูกปิดและปล่อยข่าวว่าไม่ปลอดภัย และปล่อยให้คนตาย
  • เราถูกบอกให้ใส่แมสที่ทำให้เราติดเชื้อไม่ใช่ป้องกัน
  • ถูกกดดันอย่างหนักกับการฉีดยาทดลอง ที่ฆ่าไปแล้วหลักแสนคนทั่วโลกแต่ถูกปิดข่าว
  • กดดันบังคับให้ฉีดเพื่อป้องกัน ด้วยยาที่เขาพูดเองว่ามันป้องกันไม่ได้ และป้องกันสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเอง (ใช่ครับ หลักฐานมีครบว่านี้ไม่ใช่ไวรัสแต่เป็นอะไรบางอย่างที่มนุษย์ปล่อยออกมา)
  • สื่อ และ แพทย์ ยุให้ล็อกดาวน์ตลอด บนพื้นฐานจำนวนผู้ติดเชื้อที่ 92% เป็นผลเท็จ
  • ที่สำคัญที่สุดคือ WHO องค์การอนามัยโลกออกมาพูดเอง ซึ่งสำนักข่าวอย่าง Forbes และ CNBC ก็ทำข่าว (แบบเงียบๆ ลงในเว็บไซต์) ว่า ผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการแทบไม่สามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ … แล้วทุกวันนี้ที่ล็อกดาว์นทำให้ทุกคนหมดตัวเพราะป้องกันการแพร่เชื้อจากผู้คนที่ติดแล้วไม่มีอาการไม่ใช่หรือ?​ แล้วใส่แมสเพื่ออะไร?​

แปลไทย “WHO กล่าวว่าการแพร่กระจายของ โคโรน่าไวรัส โดยไม่มีอาการ ‘ยากมาก’ “

ความแตกต่างของข้อมูลโดยแพทย์ที่ได้ออกทีวี และ แพทย์ที่ถูกเซนเซอร์ + โจมตีโดยสื่อ

ขอเขียนซ้ำครับ – “WHO กล่าวว่าการแพร่กระจายของ โคโรน่าไวรัส โดยไม่มีอาการ ‘ยากมาก’ “

คุณเห็นความผิดปกติอะไรไหมครับ
หรือว่าคุณคิดว่านี้คือโรคระบาดโดยธรรมชาติ?

หากคุณสนใจเข้ากลุ่มสนทนาเรียนเชิญครับ ดาวน์โหลดแอ็ป เทเลแกรม (Telegram) และคลิกที่ลิ้งค์นี้ไปยังห้องสนทนา –> Telegram Group

เมื่อโควิดเริ่มระบาด กลุ่มแพทย์ และ นักวิทยาศาสต์ เริ่มออกมาเตือนผู้คนว่า โดวิดคือการหลอกลวง ต่อมาข้อมูล คลิป และ channel ของท่านเหล่านี้ เริ่มถูกลบออกจากโซเชียลทั้งหมด ผมจึงเริ่มสงสัยและตามเข้าไปในเว็บไซต์ส่วนตัวของพวกท่าน แล้วได้รับข้อมูลต่างๆ ที่ผมนำมาแชร์ให้คุณทราบ ผมไม่ใช่หมอ และเว็บไซต์นี้ไม่ใช่เว็บไซต์การให้คำปรึกษาทางการแพทย์ ผมเพียงแต่แสดงข้อมูล (และแปลข้อมูลเป็นภาษาไทย) ของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณรับข้อมูลที่กำลังถูกเซนเซอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คุณไปพิจรณาเอาเองว่า อะไรถูก อะไรผิด และ คุณควรทำอะไรซึ่งจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เรื่องนี้สำคัญ ผมไม่แบ่งปันข้อมูลเหล่านี้กับผู้อื่นไม่ได้ ผมจึงออกมาทำเว็บไซต์นี้ หากคุณคิดว่าคนไทยคนอื่นควรรับรู้ข้อมูลเหล่านี้ โปรดแชร์ครับ สุดท้าย ผมคิดว่าพวกเราต้องรักษาสิทธิ์ของเรา ไม่ให้มีการบังคับฉีดยาทางอ้อม ร่างกายของเรามีเพียงเราเท่านั้นมีสิทธิ์บนร่างกายนี้ ขอบคุณครับ

3 COMMENTS

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.