“ความกังวลเริ่มต้นขึ้นเมื่อเราเห็นว่าบุคคลที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งอยู่รอบๆ ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเริ่มมีเลือดออกผิดปกติ” ดร.โคล กล่าว “ประจำเดือนของพวกเขาจะหยุดชะงักหรือมีเลือดก้อนใหญ่หรือมีเลือดออกหนักหรือการคลอดก่อนกำหนดแม้กระทั่งการแท้งบุตร”
ผลข้างเคียงเหล่านี้ได้รับรายงานจากผู้รับการฉีดวัคซีนหลายร้อยรายเช่นกัน ผู้ที่มีรอบเดือนผิดปกติ อาการตกเลือด การแท้งบุตร และการคลอดทารกที่ตายในครรภ์
กลไกที่อยู่เบื้องหลังปฏิกิริยาที่ผิดปกติตามที่แพทย์กล่าวนั้นเป็นเพราะวัคซีนมีสไปค์โปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “โปรตีน syncytio” (ซินซีทีโอ) ซึ่งไม่แตกต่างจากเซลล์ (syncytiotrophoblastic) ซินซิทีโอโทรโฟบลาสติก ในรก
ดร.โคล ซึ่งเชี่ยวชาญด้านระบบสืบพันธุ์ การตั้งครรภ์ และการคลอดบุตรของสตรีในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา สันนิษฐานว่าผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนอาจยังคงได้รับผลกระทบหากพวกเขามีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ที่ได้รับวัคซีน (self-spreading vaccine) โดยเล่าถึงผู้ป่วยรายหนึ่งของเธอที่เริ่มมีเลือดออกหลังจาก 25 ปี ของการหมดประจำเดือน หลังจากที่เธอสัมผัสบุคคลที่ได้รับวัคซีน
“แน่นอนว่าเราไม่รู้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าเธอได้รับสไปค์โปรตีน จากบุคคลนี้หรือไม่” ท่านกล่าวเสริม
เทคโนโลยีเบื้องหลัง mRNA วัคซีนนั้นทำให้ ดร.โคล กังวลเช่นกัน ท่านอธิบายว่าในขณะที่ “โปรตีนสไปค์ 8 หมื่นล้าน” ที่บรรจุในวัคซีนจะผลิตแอนติเจนภายในร่างกาย ไม่มีการรับประกันว่าร่างกายมนุษย์จะสามารถแยกแยะระหว่างแอนติบอดีของตัวเอง กับแอนติบอดีที่ไม่ใช่ตัวเองได้หรือไม่
“ถ้าเราเริ่มสร้างแอนติบอดีต่อสไปค์โปรตีน เราอาจต่อสู้กับโปรตีน synyctio ซึ่งไม่แตกต่างจากเซลล์ (syncytiotrophoblastic) ซินซิทีโอโทรโฟบลาสติก ที่ร่างกายของเราสร้างขึ้นตามธรรมชาติสำหรับรก” ดร. โคลกล่าว และเสริมว่าเนื่องจากวัคซีนทดลองได้ข้ามการศึกษาในสัตว์ทดลอง ผู้รับจึงยอมให้ตัวเองเป็นผู้ทดลอง
การฉีดวัคซีนไม่ใช่หนทางเดียวในการรักษาโรคโควิด-19 ตามรายงานของแพทย์จำนวนมากตลอดปีที่ผ่านมาซึ่งถูกเซ็นเซอร์
มีข่าวลือว่าไฮดรอกซีคลอโรควินสามารถช่วยจัดการกับโรคนี้ได้ อย่างไรก็ตาม แทนที่จะทำการศึกษาอย่างยุติธรรม ยาไฮดรอกซีคลอโรควิน ปริมาณที่สูงมากและอาจถึงการเสียชีวิตได้ถูกนำมาใช้ในการวิจัยเพื่อให้แน่ใจว่าการศึกษาล้มเหลว
หมอโคลสนับสนุนการรักษาวิธีนี้เช่นกัน โดยกล่าวว่าแม้ว่าวัคซีนจะไม่รับประกันผลใดๆ ในการหยุดการแพร่เชื้อ แต่ก็ได้รับประโยชน์ในลักษณะเดียวกับยา
“วัคซีนนี้ไม่เคยมีการศึกษาเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไวรัส” ท่านกล่าว
“มันไม่ใช่วัคซีน มันมีเพื่อลดอาการ ดังนั้น เมื่อคุณกำลังลดอาการให้น้อยที่สุด คุณต้องเปรียบเทียบกับยาอื่นๆ ที่ลดอาการ เช่น Tylenol เช่น Advil เช่น hydroxychloroquine เช่น ivermectin”
ในแง่ของการรณรงค์หาเสียงของยาฉีดโดยสื่อกระแสหลัก หมอโคลตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพราะอิทธิพลของรัฐบาล
“คุณต้องเข้าใจว่า โรงพยาบาลและมหาวิทยาลัยได้รับทุนจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ หน่วยงานเหล่านี้ หน่วยงานกำกับดูแล เช่น CDC และ FDA ได้รับทุนจากรัฐบาล ทั้งหมดนี้เป็นช่องทางลงจากรัฐบาล พวกเขาได้รับแจ้งว่าแนวทางของ CDC ระบุว่า ‘วัคซีนปลอดภัยสำหรับสตรีมีครรภ์…” เธอให้รายละเอียด
แม้ว่าจะมีอันตรายจากวัคซีน รวมถึงผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ลิ่มเลือด หัวใจอักเสบ และแม้กระทั่งการเสียชีวิต การควบคุมข้อมูลอย่างเข้มงวดทำให้ผู้คนจำนวนมากรับการฉีดวัคซีน