รัฐบาลใช้เทคนิคของ Orwellian ในการควบคุมจิต หรือ จูงจิต มากมาย ในช่วงวิกฤตโคโรนาไวรัส คำขวัญปรบมือ และสัญลักษณ์ต่างๆ ถูกใช้อย่างระมัดระวังเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมความคิดของเราได้ ผมรู้สึกขอบคุณ Dr. Colin Barron อดีตแพทย์ของ NHS และนักสะกดจิตผู้มีชื่อเสียงซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือ การสะกดจิตเชิงปฏิบัติ (Practical Hypnotherapy) ที่ชี้ให้ผมเห็นว่าจิตใจของเราถูกควบคุมอย่างไร และเขาประสบความสำเร็จได้อย่างไร ในการชักจูงให้เชื่อคำโกหกที่เราได้รับมาอย่างชำนาญ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากนักวิทยาศาสตร์ด้านพฤติกรรมผู้เชี่ยวชาญได้ล้างสมองหลายล้านคนให้ยอมรับการโฆษณาชวนเชื่อของโคโรน่าไวรัส
จิตใจเป็นสิ่งอัศจรรย์ มันตอบสนองในลักษณะที่คาดเดาไม่ได้ในบางครั้ง ตัวอย่างเช่น หากคุณเห็นพาดหัวข่าวที่บอกว่า “บอริส จอห์นสัน เป็นมนุษย์ต่างดาว” คนส่วนใหญ่อาจจะมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ถ้าพาดหัวข่าวว่าเป็น “บอริส จอห์นสัน และมนุษย์ต่างดาว” ผู้อ่านจะมีแนวโน้มที่จะสงสัยว่านายกรัฐมนตรีอังกฤษอาจมาจากดาวดวงอื่นจริงๆ และผลการวิจัยพบว่า หากผู้คนเห็นพาดหัวข่าวที่ระบุว่า “บอริส จอห์น ไม่ใช่เอเลี่ยน” ความสงสัยของพวกเขาก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก
การจัดการและหลอกลวงจิตใจเป็นธุรกิจของมืออาชีพ และเราถูกล้างสมอง และการล้างสมองนั้นละเอียดอ่อนมาก เราทุกคนต่างถูกสะกดจิตและปลูกฝังให้ยอมรับการตื่นตระหนกมวลชนรูปแบบใหม่ที่สร้างขึ้นโดยรัฐบาลทุกหนทุกแห่ง
เดี๋ยวนี้หลายคนสนุกกับการล็อกดาวน์ พวกเขาไม่ต้องการให้มันจบลง มันช่วยให้พวกเขาไม่ต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของตนเอง
คุณจำได้ไหมว่าใครเป็นผู้พูด,”คำพูดโฆษณาชวนเชื่อที่ชาญฉลาดและต่อเนื่องสามารถทำให้ผู้คนเห็นสวรรค์เป็นนรก และกลับกันให้เห็นนรกเป็นสวรรค์” คนที่พูดก็คื ออดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการมวลชนและการใช้เทคนิคที่อ่อนเบา และฮิตเลอร์เองที่แสดงความคิดเห็นด้วยว่ารัฐบาลโชคดีที่ประชาชนจำนวนมากไม่คิดว่าพวกนาซีสามมารถควบคุมจิตใจของประชาชนได้
(… ฟังไม่ออก.. ) เคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าคุณโกหกซ้ำๆ บ่อยๆ มากพอ คนจะเชื่อมัน” เขายังชี้ให้เห็นว่าหากคุณต้องการควบคุมประชากร และคุณต้องรับมือกับการต่อต้าน คุณควรกล่าวหาอีกฝ่ายว่าเป็นบาปหรือกลอุบาย ซึ่งตัวคุณเองกำลังใช้อยู่ ดังนั้นรัฐบาลทุกแห่งจึงกล่าวหาผู้ที่พูดความจริง ว่าเป็นผู้เผยแพร่ข่าวปลอม ใครก็ตามที่ไม่ทำตามกฏ จะถูกมองเป็นสัตว์ประหลาดและถูกกล่าวหาเป็นนักทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดที่อันตราย แม้ว่าการสมคบคิดครั้งใหญ่จะมาจากรัฐบาล แต่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้ส่งเสริมคำขวัญเพื่อเกลี้ยกล่อมพลเมืองของตนให้ประพฤติตนตามที่กำหนด
ที่จีนมีสโลแกนว่า ‘ถ้ารักพ่อแม่ก็ขังเขาไว้ ‘ ที่ไต้หวันมีการบอก ‘มาเยี่ยมเพื่อคือการฆ่าเพื่อน’ เมื่อมองแวบแรก สโลแกนที่โฆษณาและประชาสัมพันธ์อย่างหนักในสหราชอาณาจักรดูเหมือนไม่มีอันตรายเพียงพอ เราทุกคนต่างตระหนักดี
วลีสามคำแรกได้รับการส่งเสริมทุกที่ในสหราชอาณาจักรคือรักษาระยะห่าง ล้างมือ คิดถึงคนอื่น ไม่นานมานี้ มีการเพิ่มวลีใหม่ๆ ในละคร อยู่บ้าน ช่วยชีวิต ปกป้อง สถานพยาบาล จังหวะและรูปแบบที่ใช้ในวลีเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ โดยปกติในแต่ละวลีจะมีสามคำ และวลีนั้นจะใช้สามคำ นี่ไม่ใช่ความบังเอิญ มันไม่ได้เกิดขึ้นเอง การใช้วลีของคำสามคำที่นำเสนอในกลุ่มที่มีสามคำนั้นเป็นเทคนิคที่เรียกว่ากฎสามคำในการปรับสภาพทางจิตวิทยา เหตุผลของการใช้ถ้อยคำใหม่นี้ โดยถล่มบนพวกเรา เรากำลังได้รับการฝึกอบรมและสอนไปพร้อมๆ กันก็คือจิตวิทยาเชิงพฤติกรรม
นักสะกดจิตคนอื่นๆ ได้ชี้ให้เห็นว่าหากเราพูดประโยคซ้ำๆ บ่อยเพียงพอ คำและความคิดก็จะฝังแน่นในจิตใต้สำนึกของเราและกลายเป็นความเชื่อที่กระตุ้นพฤติกรรมของเรา ดังนั้นรัฐบาลจึงพูดคำขวัญซ้ำๆ ซึ่งกลายเป็นความเชื่อ เรียกว่าแนะนำอัตโนมัติ เป็นวิธีชีวิตประจำวันเรา
ฮิตเลอร์เชื่อว่าถ้าโกหกซ้ำๆ บ่อยพอ ในที่สุดมันก็จะได้รับการยืนยันเป็นความจริงโดยประชากรส่วนใหญ่ ผู้คนมักตกเป็นเหยื่อของการโกหกครั้งใหญ่มากกว่าการโกหกเล็กๆ ฮิตเลอร์กล่าว เพราะมันจะไม่มีวันเข้ามาในหัวของพวกเขาเลยถึงการสร้างความเท็จขนาดมหึมา และพวกเขาก็เชื่อว่าคนอื่นที่พูดความจริง เป็นผู้บิดเบือนความจริง น่าอับอายมาก ที่ฮิตเลอร์ใช้เทคนิคเหล่านี้เพื่อควบคุมและหลอกชาวเยอรมันและชักชวนให้พวกเขายอมรับสิ่งชั่วร้ายที่เขาต้องการให้พวกเขาทำ George Orwell ผู้คิดค้น Newspeak ยังเข้าใจถึงความสำคัญของวลีสามคำสามคำ
ในปี 1984 นวนิยายแห่งอนาคตของเขาซึ่งเขียนขึ้นในปี 1948 ออร์เวลล์ได้คิดค้นสโลแกน สงครามคือสันติภาพ เสรีภาพคือการเป็นทาส ความไม่รู้คือพลัง ถ้าคุณต้องการภาพแห่งอนาคต ลองนึกภาพรองเท้าบู๊ตประทับบนใบหน้ามนุษย์ตลอดไป เขาเตือนเราว่า อำนาจไม่ใช่วิธีการ มันคือจุดจบ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020 เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการล้างสมอง และเป็นที่สังเกตได้ว่าคำแนะนำที่เราได้รับนั้นเหมือนคำสั่งมากกว่า ป้ายที่ผุดขึ้นมาอย่างเห็ดบอกว่า ให้ยืนตรงนี้ ไม่ใช่โปรดยืนที่นี่ แล้วทำไมไม่ได้ล่ะ? คุณไม่ได้พูดว่าได้โปรดให้นักโทษทำ
แล้วมีสัปดาห์แห่งการปรบมือให้ผู้ดูแลและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ การปรบมือซึ่งอาจเริ่มต้นอย่างไร้เดียงสาและด้วยเจตนาดี ผมแน่ใจว่ามันเกิดขึ้น ปกปิดความขัดแย้งที่จะยืนกรานอย่างเงียบๆ ที่จะเกิดจากการที่ผู้คนรู้ว่าสถานพยาบาลทั้งหมดถูกใช้สำหรับวัตถุประสงค์เล็กๆ ไม่มีการรักษาพยาบาล และเราเคยถูกนักการเมืองและข้าราชการหักหลัง ซึ่งตัดสินใจอุทิศโครงการดูแลสุขภาพทั้งหมด เพื่อดูแลผู้ป่วยจำนวนค่อนข้างน้อยที่มีหรืออาจคิดว่ามีหรืออ่อนแอต่อไวรัสที่ใกล้เคียงไข้หวัดใหญ่
และทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการควบคุมจิตใจ โดยบอกให้ผู้คนยืนอยู่หน้าประตูบ้านเวลา 20.00 น. ในวันพฤหัสบดี และการปรบมือเป็นงานง่ายๆ ที่ทำซ้ำๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสะกดจิต การปรบมืออาจเริ่มต้นอย่างไร้เดียงสา แต่ได้รับการส่งเสริมอย่างรวดเร็วและกระตือรือร้นจากผู้คนที่ต้องการมีอิทธิพลต่อชีวิตของเรา การเกลี้ยกล่อมให้คนทำในสิ่งที่คุณต้องการให้ทำเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสะกดจิต การทำให้ผู้คนปรบมือก็มีความสำคัญเช่นกันที่ทำให้ผู้คนเชื่อในอันตรายของไวรัสโคโรน่าและความกล้าหาญของผู้ที่ทำงานด้านการแพทย์ ช่วยให้ผู้คนยอมรับความจริงที่ว่าไม่มีเตียงสำหรับผู้ป่วยมะเร็งหรือโรคร้ายแรงอื่นๆ เป็นอีกส่วนหนึ่งของกระบวนการล้างสมอง
คนถูกล้างสมองจนประสบความสำเร็จ พวกเขาเต็มใจมีส่วนร่วมในการส่งเสริมสัญลักษณ์ และสโลแกน แม้กระทั่งกฎเกณฑ์ที่สับสน รัฐมนตรีคนหนึ่งบอกกับชาวอังกฤษว่าคนสองคนสามารถพบคนคนหนึ่งได้ในขณะนี้ ตามกฎการล็อกดาวน์ ชาวอังกฤษสองคนสองคนสามารถพบคนคนหนึ่งได้ แต่คนหนึ่งไม่สามารถพบคนสองคนได้ มันซับซ้อนและโง่เขลามาก เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องไร้สาระที่ขัดแย้ง แต่ก็ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นนโยบายของรัฐบาล
ความจริงก็คือถ้าคุณทำให้ผู้คนสับสนและปั่นป่วนในเวลาเดียว ความสับสนทำให้คนหวาดกลัว และทำให้พวกเขาไม่สงบ เมื่อเป็นเช่นนั้นคุณจะสร้างประชากรที่วิตกกังวลและเชื่อฟัง และนั่นคือสิ่งที่เป็นมานาน เมื่อคำนึงถึงทั้งหมดนี้ ผมได้เตรียมสโลแกนสามวลี สามคำ และสามวลีของตัวเอง ‘ไม่ไว้วางใจรัฐบาล’ ‘หลีกเลี่ยงสื่อมวลชน’ ‘ต่อสู้กับความเท็จ’ คำขวัญของผมเหมาะสมกับความต้องการในการล้างสมองอย่างสมบูรณ์แบบ เรียบง่าย มีประสิทธิภาพ ซื่อสัตย์ ผมสงสัยว่ารัฐบาลจะไม่ใช้สโลแกนของฉันในการโฆษณา ดังนั้นพยายามจดจำเอาไว้ ‘ไม่ไว้วางใจรัฐบาล’ ‘หลีกเลี่ยงสื่อมวลชน’ ‘ต่อสู้กับความเท็จ’
ขอบคุณที่ชมชายชราบนเก้าอี้และขอบคุณสำหรับการสนับสนุนทั้งหมดของคุณ วิดีโอนี้ไม่ได้สร้างรายได้และผมไม่ให้มีการโฆษณาหรือการสนับสนุนใดๆ คุณสามารถค้นหาความจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Coronavirus และหัวข้ออื่นๆ บนเว็บไซต์ของผม ซึ่งไม่มีโฆษณาและไม่มีสปอนเซอร์ โปรดสมัครรับข้อมูลจากช่องนี้หากคุณต้องการดูวิดีโอเพิ่มเติมเนื่องจากไม่ได้หาง่ายเสมอไป และโปรดส่งต่อและแบ่งปันเพื่อเผยแพร่ความจริงให้กว้างที่สุด ขอบคุณมากสำหรับการรับชม
หากคุณสนใจเรียนเชิญเข้ากลุ่ม “คนไทยรู้ทันวัคซีน” ครับ Telegram Group
[…] ผมแทบไม่ฟัง มันคือการล้างสมอง […]