ศาสตราจารย์ นพ. สุจริต ภักดี | วัคซีนในเด็ก
ไฮไลท์ (ชมคลิปเต็มกรุณาเลื่อนลง)
คลิปเต็ม
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ สุจริต ภักดี เป็นนักไวรัสวิทยาชาว ไทย-เยอรมัน และศาสตราจารย์ด้านจุลชีววิทยาที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในประวัติศาสตร์เยอรมันในแขนงจุลชีววิทยา ท่านเป็นคนไทยที่เกิดในสหรัฐอเมริกาและได้รับการศึกษาในสวิตเซอร์แลนด์ อียิปต์ และไทย ท่านเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยบอนน์ ท่านเป็นอดีตหัวหน้าสถาบันจุลชีววิทยาทางการแพทย์และสุขอนามัยในเยอรมนี
คำเตือนเร่งด่วน! ศาสตราจารย์ ดร. สุจริต ภักดี ดีพูดถึงวัคซีนโควิด และอันตรายของมัน
ใครที่ฉีดแล้ว กำลังมีอาการปวดหัวรุนแรงลองฟังทางนี้ครับ ท่านอาจต้องไปตรวจ D-Dimer
“PCR ควรถูกนำไปทิ้งโดยทันที” – ดร. สุจริต ภักดี
ศาสตราจารย์ ดร. สุจริต ภักดี – Over Reaction และ Immune Dependent Enhancement
หากคุณสนใจเข้ากลุ่มสนทนาเรียนเชิญครับ ดาวน์โหลดแอ็ป เทเลแกรม (Telegram) และคลิกที่ลิ้งค์นี้ไปยังห้องสนทนา –> Telegram Group
ข่าวดีและข่าวหนักใจบางส่วนจาก ศาสตราจารย์ ดร. สุจริต ภักดี
ข่าวดีและข่าวหนักใจบางส่วนจาก ศาสตราจารย์ สุจริต ภักดี เมื่อเร็วๆ นี้ Oracle Films ได้จัดทำบทสัมภาษณ์กับ ศ. นพ. สุจริต ภักดี โดยความร่วมมือกับ Oval Media ในประเทศเยอรมนี สำหรับสารคดีที่กำลังจะมีขึ้น นอกเหนือจากการสัมภาษณ์แล้ว ดร.สุจริต ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการแบ่งปันข้อมูลซึ่งได้มาจากบทความทางวิทยาศาสตร์ใหม่ดังต่อไปนี้
โปรดใช้เวลาในการประมวลผลการนำเสนอนี้ ดร. สุจริต อธิบายอย่างชัดเจนตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใหม่ว่าทำไมเขาถึงเชื่อว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณคือการป้องกันที่ดีที่สุดจาก SARS-CoV-2 และโคโรนาไวรัสทั้งหมด หากคุณเคยติดเชื้อ แม้ว่าคุณจะไม่มีอาการใดๆ เลยก็ตาม คุณก็จะมีภูมิคุ้มกันต่อทุกรูปแบบ เราบรรลุภูมิคุ้มกันฝูงกันอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ในการฉีดวัคซีนป้องกัน SARS-CoV-2 มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยและควรต้องหยุด
ลิงค์ของเวปไซท์ทางวิชาการที่อ้างถึงในวิดิโอนี้
https://journals.plos.org/plosone/article?id=10.1371%2Fjournal.pone.0249499
https://academic.oup.com/cid/advance-article/doi/10.1093/cid/ciab465/6279075
https://www.cell.com/cell/fulltext/S0092-8674(21)00706-6
https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S2352396421002036
Credit: https://odysee.com/@OracleFilms:1/Dr.-Sucharit-Bhakdi-Oracle-Films-Message-HD:1 ❤️
ศาสตราจารย์ สุจริต ภักดี – “หน่วยงานด้านยาของยุโรป EUROPEAN MEDICINES AGENCY (EMA) ไม่ตอบรับ”
คลิกที่นี้เพื่อ ขยาย/ย่อ ซับไทยของคลิปด้านบนครับผมชื่อ สุจริต ภักดี ผมเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์มายาวนานในด้านจุลชีววิทยาและโรคติดต่อ ที่สถาบันจุลชีววิทยาและสุขอนามัยที่มหาวิทยาลัย Mainz ตั้งแต่ปี 1990 จนกระทั่งผมเกษียณในปี 2012 ผมพูดกับคุณในวันนี้ในนามของกลุ่มแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ที่ไม่แสวงหาเป้าหมายทางการเมืองและไม่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว แรงผลักดันของเราคือการนำการปฏิบัติทางการแพทย์ที่ดีให้เป็นหลักในการในการใช้งาน และปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของเพื่อนมนุษย์เท่านั้น และเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่ตามมาจากความรู้ที่ไม่เพียงพอ
วิกฤตโคโรนาได้ก้าวไปสู่ขั้นที่เราอยู่อย่างหวาดกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพลเมืองและลูกๆ ที่มีสุขภาพดีของเรา ความกังวลของเราเกี่ยวข้องกับวัคซีนจากยีนซึ่งขณะนี้กำลังถูกฉีดอยู่ในร่างของคนจำนวนนับไม่ถ้วน ที่ไม่ทราบถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ แทบไม่มีใครรู้ว่า ก็อปปี่ของยีนไวรัสหลายล้านชุดจะแผ่กระจ่ายไปทั่วร่างกาย และเข้าสู่เซลล์ที่โดยปกติแล้ว ไวรัสไม่สามารถเข้าถึงได้ มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าสิ่งนี้สามารถจุดชนวนให้เกิดเหตุการณ์ภูมิต้านทานโจมตีได้ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันถูกหลอกให้เชื่อว่ามีไวรัส จะต้องต่อสู้กับไวรัส มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าวัคซีนที่ออกแบบโดยพันธุกรรมดังกล่าวไม่เคยได้รับการอนุมัติให้ใช้กับมนุษย์ น้อยคนนักที่จะรู้ว่าวัคซีนโควิดเพิ่งได้รับ การอนุมัติแบบมีเงื่อนไข เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ในอีกสองปีข้างหน้าจะมีการพิจารณาว่าผลประโยชน์ในการใช้วัคซีนว่า มีคุนมากกว่าความเสี่ยงหรือไม่ ทุกคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนตอนนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการทดลองของมนุษย์จริงๆ แน่นอนไม่มีใครมีความรับผิดชอบใดๆ เพราะด้วยการฉีดวัคซีนภายใต้กฎฉุกเฉิน ผู้ผลิตไม่รับประกันใดๆ ทั้งสิ้น.. ในกรณีเกิดปฏิกิริยารุนแรงหรือแม้กระทั่งในกรณีที่เสียชีวิต พวกเขาไม่มีความผิดใดๆ
เราสนับสนุนการใช้วัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพโดยหลักการ เรายืนยันว่าประสิทธิภาพ และ ความปลอดภัยของวัคซีนโควิดยังไม่ได้รับการพิสูจน์ และเราเรียกร้องให้พิจารณาประเด็นพื้นฐานเหล่านี้อีกครั้ง ก่อนที่การอนุมัติการฉีดวัคซีนจะได้รับอนุญาตให้ดำเนินการต่อไปได้ เนื่องจากเราทราบว่ามีการรายงานผลกระทบที่หลากหลายหลังการฉีดวัคซีนให้กับบุคคลที่อายุน้อยที่มีสุขภาพดีก่อนฉีด นอกจากนี้ รายงานจากทั่วโลกยังหลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ เป็นคลื่นของความตายในบ้านพักคนชรา เกิดขึ้นด้วยการฉีดวัคซีนของผู้อยู่อาศัยในทันที แม้ว่าเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จำนวนหนึ่งจะต้องเกิดขึ้นเนื่องจากความบังเอิญ แต่จำนวนกรณีรายงานดังกล่าวมีเยอะ และ น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เรากังวลว่ามีการตรวจสอบสาเหตุที่เป็นไปได้ของการเจ็บป่วยหรือการเสียชีวิตไม่เพียงพอภายใต้สถานการณ์เหล่านี้
อันที่จริงแล้วถ้าใครก็ตามที่มีการศึกษาทางการแพทย์ที่ได้ศึกษาองค์ประกอบของวัคซีน จะต้องตระหนักว่ามีเหตุผลทุกประการที่จะคาดการผลข้างเคียงที่ร้ายแรง เมื่อวัคซีนเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้น มันจะติดอยู่ที่นั่นและจะเข้าสู่เซลล์บนผนังของหลอดเลือด และกระตุ้นให้ผลิตโปรตีนไวรัส
สองสิ่งอันตรายต้องถูกคาดการว่าจะเกิดขึ้น
1. ก็อปปี่จำนวนมากของ ‘หนาม’ ไวรัสจะปรากฏบนผิวเซลล์ สิ่งเหล่านี้อาจกระตุ้นเกล็ดเลือดโดยตรง ซึ่งจะทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือด
2. เซลล์ที่ผลิตโปรตีน สไปค์ ‘หนาม’ อาจถูกโจมตีโดยระบบภูมิคุ้มกันของเราเอง เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันได้รับการฝึกฝนให้รู้จักและทำลายเซลล์ที่ผลิตไวรัส ความเสียหายต่อหลอดเลือดจะต้องถูกคาดว่า อาจเกิดลิ่มเลือดเช่นกัน แนวโน้มของการเกิดเหตุการเช่นนี้จะสูงขึ้นในบุคคลที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 เช่นเดียวกับผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อไวรัสโคโรนาใดๆ ก็ตาม ก่อนหรือหลังการฉีดวัคซีนไม่นาน
สิ่งนี้อาจจะมีส่วนในการเสียชีวิตในบ้านพักคนชรา และเช่นเดียวกับที่มีรายงานการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นในคนหนุ่มสาวและวัยกลางคนเนื่องจากลิ่มเลือด การเกิดลิ่มเลือดในเส้นเลือดของผู้คนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เสมอ ลิ่มเลือดก่อตัวสามารถเกิดขึ้นตามจุดต่างๆ เช่น ในสมอง ไขสันหลัง หัวใจ การหยุดชะงักของการไหลเวียนของเลือดอาจส่งผลอย่างถาวรและอาจถึงแก่ชีวิตได้
ด้วยเหตุนี้เราจึงเขียนจดหมายถึง EMA (European Medicine Agency) เป็นการส่วนตัวโดยแจ้งข้อกังวลของเราและขอหลักฐานว่าผลกระทบที่เป็นอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากวัคซีนเหล่านี้ รวมอยู่ในการศึกษาทางคลินิกก่อนการอนุมัติ อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้รับการตอบกลับจาก EMA และเราถูกบีบให้เชื่อว่าการศึกษาถึงความอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากวัคซีนไม่เคยถูกพิสูจณ์ว่าจะไม่เกิด ตอนนี้เรารู้สึกว่าเราจำเป็นต้องเปลี่ยนจดหมายส่วนตัวให้เป็นจดหมายสาธารณะ และเราขอเรียกหาคุณ (ประชาชน)ให้เข้าร่วมในภารกิจของเราเพื่อนำความโปร่งใสมาสู่ปัญหาร้ายแรงและเร่งด่วนนี้ เรามาเริ่มต้นกันด้วยการท้าทายหน่วยงานที่กำกับดูแลทางการแพทย์ในการให้ข้อมูล จำนวนบุคคลที่เสียชีวิตภายใน 28 วันหลังจากได้รับวัคซีน โควิด 19
เรา ประชาชน มีสิทธิตามกฎหมายและจริยธรรมที่จะได้รับแจ้งเกี่ยวกับความเสี่ยงของการแทรกแซงทางการแพทย์ใดๆ ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงจากหลักฐานที่ขาดหายไป และสิทธิในการไม่เป็นผู้รับการทดลอง ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนจะต้องยืนยันสิทธิ์เหล่านี้เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานของเราและคนรุ่นต่อไป และเรียกร้องให้รัฐบาลของเราคืนสถานะและปกป้องพวกเขา ถึงเวลาที่รัฐบาลจะลงมือ ถึงเวลาที่เราทุกคนจะต้องลงมือ..และเวลานั้นคือตอนนี้
คลิปต่อไป
คลิกที่นี้เพื่อ ขยาย/ย่อ ซับไทยของคลิปด้านบนครับสิ่งที่เราเห็นคือการทดลอง (วัคซีน) กับคนหลายพันคนในโลกที่ไม่เคยผ่านการทดลองใดๆ เกี่ยวกับอันตรายของมัน หากคุณใส่ยีนแปลกปลอมในร่างกายของคุณและนั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในการทดลองตามยีน คุณใส่ยีนของไวรัสไว้ในร่างกายของคุณยีนนั้นจะถูกดูดเข้าโดยร่างกายของคุณ และเซลล์ของคุณจะกลายเป็นโรงงานในการผลิตเชื้อไวรัสเหล่านี้ นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ในร่างกายของคุณ เราไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ไหน แน่นอนว่ามันเกิดขึ้นในต่อมน้ำเหลืองของคุณในเซลล์ในต่อมน้ำเหลืองของคุณ
อะไรคือกฎทางตรรกะพื้นฐานในวิทยาภูมิคุ้มกัน ถ้าเซลล์สร้างสิ่งแปลกปลอม .. โปรตีนจากไวรัส..? ในระหว่างการผลิตโปรตีนของไวรัสจะมีของเสียที่ไม่ได้ใช้และของเสียนี้จะถูกวางไว้หน้าประตู ประตู (ผนังเซลล์) และระบบภูมิคุ้มกันของคุณ ลิมโฟไซต์นักฆ่า ของคุณมองเห็นของเสียนี้ จากนั้นก็เข้ามาโจมตีเซลล์นี้และฆ่าเซลล์ของคุณ เพราะมันรู้ว่าเซลล์กำลังทำสิ่งที่ไม่ควรทำ มันผลิตโปรตีนไวรัส .. โอเคไหม?
มันจะเป็นเช่นนี้หากคุณมีลิมโฟไซต์รู้จักของเสียของไวรัสนี้ ผมเชื่อว่าเมื่อผู้คนเริ่มคิดค้นวัคซีนที่ใช้ยีนพวกเขาไม่ได้คิดถึงความเป็นไปได้ที่ คุณซึ่งเป็นผู้รับวัคซีน จะมีลิมโฟไซต์นักฆ่าที่รับรู้สิ่งนี้อยู่แล้วเพราะพวกเขาคิดว่าไวรัสตัวนี้เป็นไวรัสใหม่ คุณเข้าใจไหม
และเมื่อวัคซีนเริ่มเข้าสู่การทดลองกับคนหลายพันคน นักภูมิคุ้มกันวิทยาได้ค้นพบว่ามีเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เป็นตัวฆ่าเหล่านี้อยู่ในร่างกายอยู่แล้ว นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราคิดทันที .. โอ้พระเจ้า .. ถ้าเซลล์เม็ดเลือดขาวนักฆ่าเหล่านั้นมีอยู่ในร่างกายของคุณอยู่แล้ว มันจะปลุกนักฆ่าเหล่านี้อีกครั้งเมื่อผลิตภัณฑ์เหล่านี้ปรากฏขึ้นอีกครั้งและ … (อาจารย์ส่ายศีรษะ) … ผมสอนวิทยาภูมิคุ้มกันมา 30 ปี มันไม่มีทางที่ลิมโฟไซต์นักฆ่าเหล่านี้จะไม่โจมตีเซลล์ของคุณ
ไม่มีทางอื่น พวกเขาถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าเพื่อทำสิ่งนี้และพวกเขาจะทำเช่นนี้ต่อไป ผมคิดว่าโรคแพ้ภูมิตัวเองสามารถเกิดขึ้นได้จากวัคซีนที่ใช้ยีนเหล่านี้ คุณจะเห็นว่าวัคซีนที่ใช้ยีนเหล่านี้มีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรง แขนบวม ปวด บวมแดง มีไข้ ปวดหัว ปวดข้อ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ .. ผลข้างเคียงเยอะมากจน astrazeneca ต้องเปลี่ยนมาตรการของการทดลอง โดยให้พาราเซตามอลไปพร้อมๆ กันเพื่อทนวัคซีนได้ .. สิ่งนี้ไม่ควรได้รับอนุญาต คุณห้ามอนุญาตให้เปลี่ยนมาตรการ .. แต่เขาได้ทำและได้รับการยอมรับจากเจ้าหน้าที่แล้ว ซึ่งผมรู้สึกว่ามันน่าตกใจมาก “
ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลเก่าซึ่งท่านอาจารย์อาจพูดในสิ่งที่ช่วงเวลานั้นยังไม่ได้เกิดขึ้น
1. วัคซีน เฉพาะตัวมันเองก็ทำให้เกิดผลข้างเคียงอยู่แล้ว : วัคซีนป้องกัน Covid – 19 ในช่วงการทดสอบนี้ไม่เคยทดสอบกับผู้สูงอายุ เกือบทั้งหมดทดลองกับคนหนุ่มสาวที่แข็งแรง เท่านั้น ราวครึ่งนึงมีไข้ หนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ มีภาวะบวมน้ำเหลือง ปวดหัว และไม่สบาย ดังนั้นถ้าฉีดวัคซีนนี้ให้กับคนสูงอายุที่มีอาการเหล่านี้อยู่ก่อนแล้ว ก็จินตนาการไม่ออกว่าหลังจากได้รับวัคซีนไปแล้วจะเป็นอย่างไร
2. วัคซีนมีส่วนประกอบหลายอย่างซึ่งสารหรือสิ่งที่ถูกห่อหุ้ม (mRNA) อาจทำให้เกิดการแพ้อย่างรุนแรง
3. วัคซีนนี้อาจทำให้เกิดปฎิกริยาเกินจริง (Overreaction) กับการติดเชื้อที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติตามมา เช่นไข้หวัดใหญ่ วัคซีนจะทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำงานเกินจริง ผลการทดลองในสัตว์ สำหรับเชื้อไวรัส ซาร์ – โควิด -1 พบว่ามันทำให้เกิดการขยาย (Amplification) ของระบบภูมิคุ้มกันเพื่อทำปฎิกริยากับโรค ส่งผลให้สัตว์ทดลองเกือบเสียชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เมื่อคุณฉีดวัคซีนเข้าไป ภายในเวลาไม่กี่นาที วัคซีน (mRNA) จะกระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว และมันจะเข้าไปยังเซลล์ที่ไม่ได้ติดเชื้อด้วย และมันจะผลิตไวรัสโปรตีนในเซลล์ของเรา ทำเซลล์ของเราให้เป็นโรงงานผลิตโปรตีนไวรัส และจะทำให้เกิดอาการแพ้ภูมิตัวเอง รวมทั้งอาจส่งผลถึงภาวะเส้นเลือดอุดตัน ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้
4. วัคซีนนี้ไม่ควรใช้กับสตรีมีครรภ์ (BioNtech ไบโอเอนเทค ถึงกับห้ามให้วัคซีนกับสตรมีครรภ์เลยทีเดียว) และหากสตรีได้รับการฉีดวัคซีนนี้แล้วก็ไม่ควรมีครรภ์ในระยะ 2 เดือนหลังจากได้รับวัคซีน
ที่มาของข้อมูล 4 ข้อนี้: Cr. V. Chalermchai