ความลับของวัคซีน mRNA (ฉบับที่ 1)

3
201256

ผมขอออกตัวก่อนว่า ข้อมูลที่ไม่สนับสนุนวัคซีนมักถูกกล่าวหาว่าเป็นข่าวปลอม ฉะนั้นสิ่งที่ผมเขียนในบทความนี้ ผมแสดงหลักฐานไว้อย่างชัดเจน โปรดอ่านหลักฐานเหล่านี้ครับ

กลุ่มแพทย์และสื่อกำลังพยายามกดดัน ในหลายรูปแบบ ให้คนที่ไม่ต้องการฉีดวัคซีน ได้รับการฉีด ทั้งๆ ที่พวกท่านยอมรับเองว่า วัคซีนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ หรือ ป้องกันการแพร่เชื้อได้ บทความนี้เราไม่ได้เขียนมาเพื่อกีดกันไม่ให้ใครฉีด แต่เขียนเพื่อให้ข้อมูลว่าทำไมเราถึงเลือกที่จะไม่ฉีด สื่อและแพทย์ให้ข้อมูลสนับสนุนวัคซีนเยอะแยะเต็มไปหมด หากคุณสนใจรับข้อมูลในมุมกลับกัน ในบทความนี้เราแสดงข้อมูลหลักฐานอีกด้าน และทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอ วัคซีนจะดีครบ 100% ไม่ได้ ผมเชื่อว่าทุกท่านเห็นด้วยกับเรื่องนี้

แพทย์ที่ไม่มีผลประโยชน์จากการขายวัคซีน ที่มีแต่ความเสี่ยง และ ความยากลำบาก ในการแสดงความคิดเห็นของพวกท่านที่เตือนให้ผู้คนตระหนักถึงข้อมูลอีกมุมมอง กำลังถูกเซนเซอร์อย่างต่อเนื่อง วันนี้ผมรวบรวมข้อมูลจากท่านทั้งหลายมาฝากเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกท่านครับ

หากคุณพร้อมแล้วเรามาเริ่มด้วยคลิปแอนิเมชั่นนี้ที่จะปูพื้นฐานความเข้าใจว่า mRNA คืออะไร

เข้าใจ mRNA วัคซีนใน 16 นาที

ยาฉีดนี้ไม่ใช่วัคซีน

ตามกฎ CDC ของสหรัฐฯ ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จะสามารถถูกเรียกว่าวัคซีนได้ในกรณี:

วัคซีน : ผลิตภัณฑ์ที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันโรคเฉพาะ ปกป้องบุคคลจากสิ่งนั้น วัคซีนมักได้รับการฉีดด้วยเข็ม แต่สามารถให้ทางช่องปากหรือจมูกได้ 
ภูมิคุ้มกัน: การป้องกันจากโรคติดเชื้อ หากคุณมีภูมิคุ้มกันต่อโรค คุณสามารถสัมผัสได้โดยไม่ต้องติดเชื้อ

คำจำกัดความของวัคซีน: https://www.cdc.gov/vaccines/vac-gen/imz-basics.htm

mRNA ไม่ได้ให้ประโยชน์ตามคำจำกัดความนี้ หลักฐานมาจากข้อมูลนี้เรานำมาจากเว็บไซต์ของ มอเดอร์น่าโดยตรง

ที่มาจากเว็บไซต์ของ Moderna โดยตรง: https://investors.modernatx.com/news-releases/news-release-details/modernas-covid-19-vaccine-candidate-meets-its-primary-efficacy#:%7E:text=About%20the%20Phase%203%20COVE%20Study&text=The%20primary%20endpoint%20is%20the,by%20SARS%2DCoV%2D2

แปลภาพบนเป็นไทย:

- เป้าหมายหลักคือการป้องกันอาการของโรค COVID-19 
- เป้าหมายรองที่สำคัญ ได้แก่ การป้องกันความรุนแรงของโรค COVID-19 และการป้องกันการติดเชื้อโดย SARS-CoV-2

“เป้าหมายหลักคือ การป้องกันอาการ ของโรค COVID-19 ‘ป้องกันอาการ’ ม่ใช่ การป้องกันโรค COVID-19” ตัวอย่างเช่นไข้ หวัด ไอ เป็นต้น

นั้นหมายความว่า ยาฉีดนี้ป้องกันเพียงอาการแต่ถูกนำมาทำการตลาดว่า ฉีดแล้วจากหนักจะเป็นเบา เบาอาการอะไรบ้าง? โควิดมีอาการอะไรบ้าง? ไอ ไข้ และอื่นๆ ที่เรารู้กัน เป้าหมาย ไม่ใช่การป้องการติดเชื้อ หรือ แพร่เชื้อ หากเขาจะเรียกผลิตภัณฑ์นี้ว่าวัคซีน ผมก็สามารถเรียกวิตามิน ซี เป็นวัคซีนได้เช่นกัน เพราะเมื่อคุณรับประทานวิตามินที่เพียงพอเมื่อติดเชื้อร่างกายคุณสามารถรับมือได้ คุณพอเห็นภาพไหมครับ ?

“เป้าหมายรองที่สำคัญ ได้แก่ การป้องกันความรุนแรงของโรค COVID-19 และการป้องกันการติดเชื้อโดย SARS-CoV-2”

ผมขอข้ามวรรคแรกก่อน “การป้องกันความรุนแรงของโรค COVID-19

วรรคที่สอง การป้องกันการติดเชื้อโดย SARS-CoV-2″ อันนี้ เขียน ถูกต้องแต่ลักไก่ครับ เพราะมันไม่สามารถทำได้ ก็คือเขียนไว้ว่าได้ แต่ไม่สามารถพิสูจน์ว่าได้จริง หน่วยงานรัฐยังออกมายอมรับเรื่องนี้ รวมถึงผลวิจัยตามหลักฐานที่ปรากฏตามนี้:

ที่มา NEW ENGLAND JOURNAL of MEDICINE: https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMoa2028436
คำแปล - ในคณะที่เขียนนี้ ยังไม่มีความสัมพันธ์ทางสถิติในการป้องกัน SARS-CoV-2 อย่างเป็นทางการ
ผลวิจัยจาก NEW ENGLAND JOURNAL of MEDICINE: https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMe2034717
คำแปล - ยังไม่มีวัคซีนใดที่มีอยู่สามารถแสดงว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อเบต้าโคโรนาไวรัส ตระกูลที่มี SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นสาเหตุของโควิด-19

นี้คือสาเหตุที่คุณมักได้ยินแพทย์ในทีวีพูดซ้ำๆ ว่าวัคซีนไม่สามารถป้องกันได้ แต่สามารถทำให้อาการเบาลงได้ พวกเขาจำเป็นต้องพูดทุกครั้งเพื่อหลีกเลี้ยงเรื่องการฟ้องร้องทางกฏหมาย เพราะพวกเขากำลังใช้คำว่า ‘วัคซีน’ อย่างผิดๆ จึงต้องชี้แจงไปด้วยว่ามันป้องกันไม่ได้ ซึ่งเป็นประโยคที่ขัดกันในตัวเพราะคำว่าวัคซีนคือการป้องกัน

คนที่ฉีด สามารถ แพร่เชื้อ ให้ผู้อื่นได้

จากหลักฐานด้านบน มันชัดครับว่า ยาฉีดเหล่านี้ ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ หรือ ป้องกันการแพร่เชื้อ แต่ทุกวันนี้สังคมแตกแยกไปแล้วใครที่ไม่ฉีดถูกมองว่าเป็นพวกแพร่เชื้อ เรื่องนี้ไม่ถูกต้อง มันคือกลไกทางจิตวิทยาที่ใช้คนที่ฉีดแล้วไปกดดันหรือกล่าวหาคนที่ไม่ฉีด วาระย่อย ณ ปัจจุบันของรัฐบาลทั่วโลกคือ การสร้างความแตกแยกในสังคม แล้วในอนาคตอันใกล้รัฐบาล (กลุ่มแพทย์) จะเริ่มโทษกลุ่มที่ไม่ฉีดเป็นผู้แพร่เชื้อ สู่ผู้ที่ฉีดแล้ว

ผมเขียนเพื่อให้ทุกท่านทราบถึงกลยุทธ์ที่พวกเขากำลังใช้ ไม่ว่าวัคซีนจะป้องกันการติดเชื้อได้หรือไม่ก็ตาม ในเมื่อมันป้องกันไม่ได้ ดังนั้นทุกคนสามารถแพร่ให้กันได้ หรือ หากมันป้องกันได้ก็ตามผู้ที่ฉีดแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องระแวงผู้ที่ไม่ฉีด (เพราะวัคซีนปกป้องผู้ที่ฉีดได้ไม่ใช่หรือ?)

พวกเราต้องดูแลสังคมตัวเอง คุณเห็นด้วยไหมครับ?​ คลิปสั้นด้านล่างนี้ไม่ใช่ในประเทศยากจนที่ไหนแต่สะท้อนให้เห็นถึงความแตกแยกที่เกิดขึ้นแล้วในฝรั่งเศส ผู้ที่ไม่ฉีดไม่สนับสนุนธุรกิจของร้านค้าที่ไม่สามารถให้พวกเขารับประทานอาหารในร้านได้ คนที่ฉีดนั่งโต็ะ คนที่ไม่ฉีดนั่งพื้น มันไม่ถูกต้อง คลิปถัดไป โรงพยาบาลเริ่มไม่อนุญาติให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาหากไม่ฉีดวัคซีน

ขอกลับเข้าเรื่อง ‘วัคซีน’ ต่อครับ

ทำไมต้องพยายามเปลี่ยนสถานะ ยาในเข็มนี้ (ที่ไม่ใช่วัคซีน) มาเป็น วัคซีน?

คุณคิดไหม ว่าถ้ามันลดอาการได้จริง มันก็น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม แต่ทำไมพวกเขาต้องตั้งชื่อผลิตภัณฑ์นี้ว่า วัคซีน ในเมื่อมันไม่ใช่วัคซีน คุณจะเรียกสิ่งนี้ว่ายาด้วยความถูกต้อง เช่น ยาลดอาการโควิด แม้คุณจะขายเข็มละหมื่นคนก็ซื้อ แต่ทำไมต้องพยายามหาวิธีเปลี่ยนสถานะของยานี้ให้เป็นวัคซีน?

1986 ACT:

มีกฏหมายฉบับนึงที่เรียกว่า 1986 Act กฏหมายฉบับนี้ปกป้องผู้ผลิตวัคซีนจากความรับผิดชอบทุกประการ ครบ 100% นั้นหมายความว่า หากผู้คนฉีดวัคซีนไป และเกิดสิ่งไม่ประสงค์ใดๆ ก็ตาม แม้กระทั่งเสียชีวิต คุณไม่สามารถเอาผิดบริษัทเหล่านี้ได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น อย่างมากคุณสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากรัฐบาลได้ เช่นที่เมืองไทย รัฐบาลจ่าย 400,000 บาท แต่เงินนี้มาจากภาษีคนไทยไม่ใช่บริษัทผลิตวัคซีน บริษัทจะฉีดยาพิษให้คุณก็ยังได้ เขาก็ไม่มีความผิดตราบใดที่ยาตัวนั้นมีชื่อว่า ‘วัคซีน’ พวกเขาจึงกล้าขายยานี้ ไม่งั้นก็คงไม่ออกมาจำหน่ายด้วยคำชวนเชื่อต่างๆ ที่เราเห็นทุกวันนี้

ที่มา – https://www.congress.gov/bill/99th-congress/house-bill/5546

ฉะนั้นถ้าหากบริษัทเหล่านี้ไม่เอายานี้มาเปลี่ยนสถานะเป็นวัคซีน พวกเขาจะไม่สามารถทำการทดลองและเดินหน้ากับวาระของพวกเขาได้ ซึ่งก็คือ … พร้อมไหมครับ … ลดประชากรโลก และ มนุษย์​ 2.0 ผมขอเขียนรายละเอียดในบทความต่อไป ความลับของวัคซีน mRNA (ฉบับที่ 2) ท้ายหน้ามีลิ้งค์ครับ

ส่วนวรรคแรก “การป้องกันความรุนแรงของโรค COVID-19

เรื่องนี้เราขอแบ่งเป็น 3 ข้อ

ข้อที่ 1

“ในเมื่อสิ่งนี้ไม่ใช่วัคซีนที่ไม่ได้มีไว้การป้องกัน แต่มีเพื่อลดอาการ (ซึ่งไม่จริง) ฉะนั้นมันคือยารักษา ผลิตภัณฑ์ที่มีไว้ลดอาการการเจ็บป่วยจากหนักเป็นเบา เขาเรียกว่า ‘ยารักษา’ ดังนั้น เมื่อคุณกำลังลดอาการให้น้อยที่สุด คุณต้องเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์นี้กับยารักษาอื่นๆ ที่ลดอาการความรุนแรงของโรคได้ เช่น ไฮดรอกซีคลอโรควิน (Hydroxychloroquine) หรือ ไอเวอร์เม็กติน (Ivermectin)” โดยการเทียบผลประโยชน์หักลบกับความเสี่ยงต่างๆ
ที่มา –
โควิดมียารักษาแต่ถูกปิดบัง
https://www.foxnews.com/media/hydroxychloroquine-could-save-lives-ingraham-yale-professor

ไฮดรอกซีคลอโรควิน (Hydroxychloroquine) และ ไอเวอร์เม็กติน มีประวิติการใช้งานหลายสิบปีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพการรักษาที่สูง ซึ่งแพทย์นำมาใช้ในการรักษาโควิดได้ผลลัพย์ที่สูงถึง 85% ในเคสหนักๆ ตามการให้สัมภาษณ์ของ น.พ. ปีเตอร์ แม็คคัลลูห์ “หากรัฐได้สบับสนุนการใช้ยารักษาเหล่านี้ 85% ของผู้ที่เสียชีวิตในสหรัฐฯ ยังคงมีชีวิตอยู่​” – น.พ. ปีเตอร์ แม็คคัลลูห์ (คลิปนี้สำคัญ)

ผลวิจัยโดย NIH ชี้ ไฮดรอกซีคลอโรควินมีประสิทธิภาพและสม่ำเสมอ ดังนั้นเมื่อให้ยาแต่เนิ่นๆ สำหรับโควิด-19:https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7534595/

ทุกวันนี้ทั้งหน่วยงานสาธารณสุข รัฐบาล และ สื่อ พยายามกด ปกปิด และห้ามไม่ให้มีการใช้ยารักษาเพื่อที่จะพลักดัน ‘วัคซีน’ ซึ่งไม่ใช่วัคซีน ผมมีความลับสั้นๆ อีกอย่างมาบอกคุณครับ สาเหตุที่พวกเขาจำเป็นต้องโจมตี ยาเหล่านี้โดยการกล่าวหาว่าอันตราย หรืออื่นๆ เช่นฟ้าทลายโจรทำลายตับไต (กินให้ถูกต้องก็ปลอดภัยครับ) เพราะวัคซีนนี้อยู่ในระหว่างการฉีดแบบฉุกเฉิน ซึ่งตามกฏหมายคุณจะสามารถให้อนุญาติการฉีดฉุกเฉินได้ก็ต่อเมื่อผ่าน 4 ข้อกฏหมาย ซึ่ง 1 ในนั้นคือ ต้องไม่มียารักษาอื่นๆ ที่สามารถทำการรักษาได้

ฉะนั้นเมื่อมียารักษาเป็นทางการ พวกเขาจะถูกยกเลิกกฏหมายฉีดวัคซีนฉุกเฉินทันที แพทย์และกระทรวงสาธารณะสุขจึงต้องรีบออกมาโจมตีกล่าวหายารักษาต่างๆ ให้ทันท่วงที (น่าคิดไหมครับ ว่าพวกเขามีอะไรให้เสียถ้าหากวัคซีนถูกยกเลิก?)

ไม่แปลกที่แม้แต่รายการของท่านสนธิถูก Youtube ลบออก เพราะท่านให้ข้อมูลประชาชนเกี่ยวกับฟ้าทะลายโจร ซึ่งตามที่ท่านใด้ให้ข้อมูล ฟ้าทะลายโจรสามารถช่วยในการรักษาได้ หากข้อมูลเหล่านี้แพร่ออกไปเรื่อยๆ 1. ผู้คนจะกลัวโควิดน้อยลงและอาจไม่เลือก ‘วัคซีน’ และ 2. หากผู้คนเริ่มรู้สิ่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนประชาชนจะต้องกดดันให้มีการใช้ ยา นี้ให้ได้รับการยอมรับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีต่อการบังคับฉีดวัคซีนแน่ๆ เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับท่านสนธิท่านเดียว แต่เกิดขึ้นกับแพทย์ทั่วโลก

ขอบคุณครับ

ผมขอยกตัวอย่างสั้นๆ ที่อินเดียแพทย์ใช้ยา ไอเวอร์เม็กติน (Ivermectin) ในการรักษาซึ่งใด้ผลที่ดีมาก แพทย์ที่อินเดียที่ ‘ตื่นแล้ว’ และรู้ทันแล้วว่าอะไรทำลังเกิดขึ้น ให้การรักษาประชาชนชาวอินเดีย แม้ WHO จะออกมาห้ามก็ตาม

แปลไทย - รัฐอินเดียจะเสนอ Ivermectin ให้กับประชากรผู้ใหญ่ทั้งหมด – แม้ในขณะที่ WHO เตือนถึงการใช้ Ivermectin ในการรักษา Covid-19

เวลานี้มี 5 รัฐในประเทศอินเดียที่ไม่ทำตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก แพทย์ใน 5 รัฐนี้จ่ายยา Ivermectin ให้กับผู้ป่วย และเริ่มมีการฟ้องร้อง Dr. Soumya Swaminathan หัวหน้า นักวิทยาศาสตร์ ของ WHO ในข้อหาห้ามยาที่มีประสิทธิภาพทำให้ผู้คนเสียชีวิตมากมาย ซึ่งผิดต้องจรรยาบันการเป็นแพทย์ที่ร้ายแรง

ที่มา : https://www.freepressjournal.in/india/who-scientist-in-dock-for-opposing-ivermectins-use-for-covid-19-cure
แปลไทย - หนังสือแจ้งทางกฎหมายจำนวน 51 หน้าถูกส่งไปยัง ดร. โสมยา สวามินาธาน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก โดยสมาคมเนติบัณฑิตยสภาแห่งอินเดียในมุมไบ ซึ่งเป็นฟอรัมของทนายความ ในข้อหาต่อต้านการใช้ไอเวอร์เม็กตินในการรักษาผู้ป่วยโควิด

ข้อที่ 2

การที่แพทย์กล่าวว่าวัคซีนจะ การป้องกันความรุนแรงของโรค COVID-19 นั้นไม่มีมูลความจริง เป็นการตลาดที่ให้ข้อมูลบนพื้นฐานข้อมูลที่ไม่ตรงกับผลที่เกิดในชีวิตจริง พวกเขาใช้ข้อมูล RRR (Relative Risk Reduction) ซึ่งเป็นข้อมูลโดยบริษัทที่ทำวิจัยเองแล้วไม่อนุญาติให้นักวิจัยอิสระเข้าไปมีส่วนร่วมในการศึกษา พูดง่ายๆ ก็คือผลิตเองแล้วอ้างว่าดีเอง แต่ข้อมูล ARR (Absolute Risk Reduction) ที่เก็บได้หลังการฉีดไปแล้วในชีวิตจริงพบว่า

2.1

คุณเห็นความแตกต่างไหมครับ ที่เขาอ้างว่าไฟเซอร์มีประสิทธิภาพ 95% อันที่จริงแล้วคือเพียง 0.84%

ที่มาของข้อมูลนี้มาจาก The Lancet ซึ่งได้ความยอมรับว่าเป็นแหล่งการตีพิมพ์การวิจัยทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ท็อป 3 ของโลก ไม่ใช่เพียงแค่ The Lancet ผลวิจัยจาก NIH ของสหรัฐฯ​ ก็แสดงข้อมูลตรงกัน https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC8057721/

เราได้แค็ปภาพผลวิจัยและแปลเป็นไทยด้านล่าง

แปลไทย - ARR มักจะถูกละเลยเพราะให้ตัวเลขประสิทธิภาพที่น่าประทับใจน้อยกว่า RRR: 1·3% สำหรับ AstraZeneca–Oxford, 1·2% สำหรับ Moderna–NIH, 1·2% สำหรับ J&J, 0·93% สำหรับ Gamaleya และ 0·84% สำหรับวัคซีน Pfizer–BioNTech

ข้อที่ 3. ถ้าวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไม่ได้ ทำไมสถิติที่ CDC ของสหรัฐฯ ออกมาชี้ให้เห็นว่า มันลดจริง?

คำถามนี้มีสองคำตอบ

3.1 ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ทาง CDC ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการนับผู้ติดเชื้อใหม่

ใครที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว เมื่อติดเชื้อ (ที่เขาเรียกว่า Breakthrough Case) จะไม่ถูกนับเป็นโควิด (ยกเว้นมีอาการหนักและเข้าโรงพยาบาล) ฉะนั้นสมมุติว่าวันนี้มีผู้ติดเชื้อ 20 คน มี 10 คนที่ฉีดครบ 2 เข็มแล้ว และอีก 10 คนยังไม่ได้ฉีด พวกเขาจะนับว่ามีผู้ติดเชื้อเพียง 10 รายและข่าวแจ้งว่ามีผู้ติดเชื้อ 10 รายนี้ เป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนทำให้คนเข้าใจว่า พวกเขาควรฉีดวัคซีน

ที่มา: https://www.cdc.gov/vaccines/covid-19/health-departments/breakthrough-cases.html
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : https://dailyexpose.co.uk/2021/07/28/the-cdc-is-committing-fraud-and-hiding-confirmed-cases-of-covid-19-in-fully-vaccinated-people/

Dr. Harvey Risch จาก Yale School of Medicine ในการให้สัมภาษณ์กับ Laura Ingraham แห่ง Fox News ได้กล่าวว่า

"แน่นอนว่าผู้ติดเชื้อเหล่านั้นไม่ได้ขึ้นทะเบียนสำหรับการตรวจนับของ CDC สัดส่วนที่นับคือพวกที่เขาอ้างว่าอยู่ในคนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน"

3.2 คำตอบสั้นๆ คือ พวกเขากำลังโกหก

หากคุณศึกษาข้อมูลของประเทศอื่นๆ คุณจะเห็นว่าประชากรที่ฉีดมีการติดเชื้อ (และข้อมูลจาก อิสราเอลผู้ป่วยที่เข้าโรงพยาบาลที่มีอาการหนักนั้น 95% เป็นผู้ป่วยที่ฉีดครบ 2 เข็มแล้ว) มากกว่าคนที่ไม่ฉีด ซึ่งคุณสามารถอ่านได้ที่บทความ สรุปผลจากประเทศที่ฉีดแล้ว ชี้ให้เห็นชัดว่าฉีดแล้วยิ่งรุนแรงมากขี้น

หลังจากที่แนะนำให้ผู้คนฉีดเพื่อไม่ให้มีอาการรุนแรง CDC กลับออกมายอมรับว่าคนที่ฉีดกำลังมีอาการรุนแรง

‘วัคซีน’ กำลังทำลายภูมิต้านทานและทำให้ ‘ไวรัส’ ดุมากขึ้น

มีคนส่งข้อมูลชิ้นหนึ่งมาให้ผมแล้วบอกผมว่า “ฟังด่วน!” เมื่อรับข้อมูลในคลิปนั้น ผมรีบเข้าไปสืบความจริงว่าคนที่พูดในคลิปเป็นคนที่เขาอ้างว่าเขาเป็นจริงหรือไม่ เมื่อรู้ว่าเขาคือคนที่เขาอ้างว่าเขาเป็นจริง ผมเข่าอ่อนขึ้นมาทันที แล้ว เต็มไปด้วยความกังวล

Dr. Geert Vanden Bossche – https://www.geertvandenbossche.org/

คลิปที่ผมได้รับเป็นของ Dr. Geert Vanden Bossche ดร. ท่านนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญทาง จุลชีววิทยาและโรคติดต่อ ท่านจบปริญญาเอกด้านไวรัสวิทยาและประกอบอาชีพที่ยืนยาวในด้านวัคซีนมนุษย์ ในองค์กรที่ใหญ่ที่สุดด้านวัคซีนในมนุษย์ GAVI ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านสุขภาพระดับโลกทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการเข้าถึงการสร้างภูมิคุ้มกันในประเทศยากจน

เขาไม่ใช่กลุ่ม แอนตี้วัคซีน ที่สื่อมักกล่าวหา แพทย์และนักวิทยาศาสต์ที่ไม่เห็นด้วยกับการฉีดวัคซีน คงไม่มี ดร. ท่านไหน สนับสนุนวัคซีนไปมากกว่าท่านนี้ ในฐานะที่ท่านเองเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการวิจัย คิดค้นและทำวัคซีนต่างๆ และที่สำคัญเขาทำงานให้กับบริษัทที่มีพวกกลุ่ม อภิมหาเศรษฐีที่สร้างโควิดขึ้นมา

สิ่งที่ท่านออกมาพูดคือ วัคซีนตัวนี้กำลังทำลายภูมิต้านทานธรรมชาติของคนที่รับวัคซีนในชนิดที่ว่า ภูมิของผู้นั้นจะสามารถรับมือกับกับสายพันธุ์ นั้นๆ ได้เพียงสายพันธุ์เดียว และจะไม่สามารถรับมือกับไวรัสหรือโรคอื่นๆ ได้ นั่นหมายความว่าถ้าไม่รีบหยุด ผู้ที่ฉีดอาจค่อยๆ ทำลายภูมิต้านทานธรรมชาติของตัวเอง สุดท้ายแล้ว (อันนี้คิดเอง ต้องไปพึ่งพายาเหล่านี้ไปตลอดเพื่ออยู่รอดต่อไป) ลองไปฟังสิ่งที่ท่านพูดดูครับ

คุณสามารถดูคลิปได้ที่นี้ : https://www.bitchute.com/video/RKU4mEe3fCgw/

Dr. Geert Vanden Bossche ได้เขียนบทความการวิเคาระห์และคาดการณ์ผลลัพธ์ของการฉีดวัคซีนจำนวนมากในช่วงการระบาดของโรคซาร์ส-2-CoV ที่แพร่ระบาดมากขึ้น (ผมแปลข้อสรุปโดยรวมด้านล่างนี้) ท่านได้ทำคลิปเรียกร้องให้แพทย์ทั่วโลกรวมถึง WHO หยุดการฉีดวัคซีนโดยด่วน:

แปลเป็นไทย - 
การรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ท่ามกลางความร้อนระอุของการระบาดใหญ่จะทำให้เกิดสายพันธุ์ที่แพร่เชื้อมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และในที่สุดจะต้านทานต่อวัคซีน ยิ่งประชากร (ในประเทศที่) มีขนาดเล็กลงและการรณรงค์ฉีดวัคซีนจำนวนมากเร็วขึ้น อัตราการติดเชื้อ การเจ็บป่วย และการเสียชีวิตก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการที่การแพร่ระบาดที่กำลังพัฒนาในประเทศ/เกาะเล็กๆ จำนวนหนึ่ง (เช่น เซเชลส์ มัลดีฟส์ บาห์เรน) มีเหตุผลที่จะสันนิษฐานว่าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าหรือไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศจะแสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นในอัตราเหล่านี้เช่นกัน

นอกจากนี้ท่านยังได้ทำคลิกออกมาร้องขอให้ WHO ตั้งการประชุมขึ้นและไม่ละเว้นหรือปฏิเสธผลกระทบของมาตรการป้องกันการติดเชื้อที่เข้มงวด
ร่วมกับการฉีดวัคซีนจำนวนมากโดยใช้วัคซีนป้องกันโรค ซึ่งเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ (แน่นอนครับ ประชุมนี้ไม่ได้ถูกจัดขึ้น)

ที่มา
https://www.geertvandenbossche.org/post/predictions-on-outcome-of-mass-vaccination-during-a-pandemic-of-more-infectious-sars-2-cov-variants
Dr. Geert Vanden Bossche ทำคลิปเรียกร้องให้แพทย์ทั่วโลกรวมถึง WHO หยุดการฉีดวัคซีนโดยด่วน
สรุปผลจากประเทศที่ฉีดแล้ว ชี้ให้เห็นชัดว่าฉีดแล้วยิ่งรุนแรงมากขี้น

เราทุกคนกำลังถูกเซนเซอร์ข้อมูลความจริง

แม้กระทั้งผู้คิดค้น mRNA วัคซีน Dr. Robert Malone (คงไม่มีใครรู้เรื่อง mRNA มากไปกว่าท่าน) ยังถูกเซนเซอร์​เพราะท่านพยายามออกมาเตือนผู้คนถึงภัยของยาฉีดนี้

ดร.โรเบิร์ต มาโลน ผู้ประดิษฐ์วัคซีน mRNA ถูกแบนและเซ็นเซอร์จาก LinkedIn และ Youtube หลังจากที่เขาพูดเกี่ยวกับความเสี่ยงของวัคซีนทดลอง

พวกเรากำลังถูกเซนเซอร์ข้อมูล ความจริง และ ถูกพลักดันให้รับยาทดลองนี้ที่ไม่ใช่วัคซีน

คุณเคยเล่นเกมส์ที่ ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้เล่น เป็นกรรมการ และ เป็นคนตั้งกติกาไหมครับ? เกมส์เหล่าคุณไม่มีวันชนะได้ นี่แหละครับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ผมจะเขียนสั้นๆ (ไว้จะเขียนรายละเอียดครับ) โรคระบาดครั้งนี้ถูกสร้างขึ้น (มีหลักฐานชัดเจนในบทความต่อไป) (เป็นอาวุธทางชีวภาพ และ ไม่ใช่ไวรัส ไวรัสไม่มีอยู่จริงไม่ใช่สาเหตุของโควิด 19 ) โดยกลุ่มคนที่เล็กมากที่เป็นอภิมหาเศรษฐีของโลก เช่นครอบครัว Rothschilds, Rockefeller, Klaus Schwab บุคคลเหล่าเป็นผู้ก่อตั้งองค์การระดับโลกต่างๆ เช่น องค์การอนามัยโลก (WHO) ฟอรัมเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ที่คุม UN และ UN มาคุมรัฐบาลทั่วโลกอีกที​ ที่เลือกนักการเมืองมาเป็นผู้นำต่างๆ เช่น

  • Joe Biden ประธานาธิบดี ของ สหรัฐฯ​
  • Boris Johnson นายกรัฐมนตรี ของ อังกฤษ
  • Scott Morrison นายกรัฐมนตรี ของ ออสเตรเลีย
  • Justin Trudeau นายกรัฐมนตรี ของ แคนาดา
  • รวมถึงองการ์อื่นๆ เช่น องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development | OECD ) ก็เป็น พวกเดียวกัน เขาจึงทำงานร่วมกันแต่เรามองไม่ออกถ้าหากไม่สังเกตุดีๆ
รัฐบาลประเทศต่างๆ มีนโยบาลเหมื่อนกัน

ส่วน WHO หรือ องการค์อนามัยโลกมาควบคุมแพทย์ หน่วยงานสาธารณะสุข ที่ประสารกับหน่วยงานเช่น CDC FDA และอื่นๆ ที่มีบทบาทต่างๆ อีกที ที่ออกกฏและมาตรการต่างๆ ซึ่งถูกควบคุมโดย Bill Gate อีกที คุณคงเคยได้ยินเรื่องการฝังชิพ Bill Gate จดสิทธิบัตรไว้แล้ว สิทธิบัตรหมายเลข WO2020060606 คุณสามารถดูได้ที่นี่ https://patentscope.wipo.int/search/en/detail.jsf?docId=WO2020060606

ถ้าเรื่องนี้ไม่จริง Bill Gate จดสิทธิบัตรทำไม?

DARPA สำนักงานโครงการวิจัยขั้นสูงของกระทรวงกลาโหม ของสหรัฐฯ (The Defense Advanced Research Projects Agency) พวกนี้จะไม่ออกหน้าแต่จะแต่งตั้ง บุคคลปั้นให้มีชื่อเสียงแต่พวกเขาควบคุมทุกอย่างเช่น Facebook, Google, Microsoft, Tesla ที่มีบุคคลเช่น Bill Gates, Mark Zuckerberg, Elon Musk พวกนี้เป็นหน้าม้า และเทคโนโลยีทั้งหลายที่บริษัทเหล่านี้ผลิตออกมา ล้วนมาจาก DARPA แต่ในเวทีสาธารณะ ประชากรโลกถูกทำให้เข้าใจว่าคนเหล่านี้คือผู้คิดค้น เก่ง อะไรก็ว่าไป

Silicon Valley ล้วนอยู่ภายใต้ DARPA ทั้งนั้น นอกจากนี้ สื่อกระแสหลักกว่า 90% มีเพียง 6 บริษัทเท่านั้นที่เป็นเจ้าของซึ่งก็อยู่ภายใต้เครือค่ายกลุ่ม อภิมหาเศรษฐีเหล่านี้

ผมเขียนเรื่องนี้สั้นๆ เพื่อให้คุณทราบว่า หน่วยงานเหล่านี้เป็นเครือเดียวกัน มีวาระผลักดันให้ทุกกคนฉีดยาทดลองนี้ กลุ่มที่สร้างอาวุธชีวภาพนี้ คือกลุ่มเดียวกันที่ ทำวัคซีน (ที่ไม่ใช่วัคซีน) คือกลุ่มเดี่ยวที่ควบคุมสื่อ คือกลุ่มเดียวกันที่ควบคุมแพทย์​ คือกลุ่มเดียวกันที่ ต้องการลดประชากรโลก (รายละเอียดพร้อมหลักฐานใน บทความ ความลับของวัคซีน mRNA ฉบับที่ 2 ท้ายหน้ามีลิ้งค์ครับ)

พวกเขาควบคุม WHO, FDA, CDC รวมถึงแพทย์ หมอ นักวิทยาศาสต์ต่างๆ นักการเมือง ดารา ใครที่ไม่ทำตามวาระนี้ จะไม่สามารถออกความคิดเห็นของพวกเขาได้ และถูกเซนเซอร์​ จากสื่อ โซเชียลมีเดีย ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา นี้คือสาเหตุที่คุณจะไม่มีวันได้รับข้อมูลเชิงลบของวัคซีน และ แพทย์ต่างๆ

ทั้งรัฐบาลและสื่อ จะออกมาโจมตีทำลายความน่าเชื่อถือ/เซนเซอร์บุคคลที่แสดงความคิดเห็นว่าวัคซีนไม่ปลอดภัย โดยการกล่าวหาว่าเป็นพวกที่เชื่อในนักทฤษฎีสมคบคิด เมื่อประชาชนมาพบเห็นข้อมูลเช่นในหน้านี้ก็จะมองว่า กลุ่มที่ทำข้อมูลนี้เป็นพวกที่หลงเชื่อใน นักทฤษฎีสมคบคิด แต่หากคุณสังเกตคุณจะเห็นว่าทุกข้อมูลที่ผมลง ผมนำหลักฐานทางเอกสารและอื่นๆ มาชี้แจง เราไม่แอนตี้วัคซีน เราแอนตี้การหลอกลวงที่กำลังนำไปสู่วาระของคนกลุ่มนี้

ดาราชื่อดัง อดีตนักบาส NBA ออกมาทำคลิปและยอมรับว่าเขาได้รับเงิน (ซึ่งเขาปฏิเสธ) เพื่อให้ออกมาแพร่ความกลัวและแนะนำผู้คนให้ทำสิ่งที่รัฐสั่งให้ทำ นอกจากนี้เขายังพูดอีกว่า ดาราหลายคนรับข้อเสนอเหล่านี้

ผมขอแนะนำให้คุณใช้วิธีการตรวจหลักฐาน เป็นมาตรฐานในการรับข้อมูลของคุณครับ อย่าเชื่อเรา อย่าเชื่อแพทย์โซเชียลและทีวี หรือ เชื่อข่าวที่ใช้ความกลัวจูงนำเรา

ธรรมชาติของมนุษย์คือ เมื่อมีความรู้สึกที่รุนแรง เราจะขาดสติในการคิดด้วยตรรกะและเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความอยากใดๆ ก็ตามเช่นการลงทุน (อยากรวย) ใช้เงินเกินตัว (อยากได้) หรือ ความกลัวตายจากไวรัส ซึ่งเป็นความรู้สึกทั้งหมด ที่ทำให้เราไม่สามารถ ตั้งสติได้ นี้คือสาเหตุที่จะต้องมีการนำเสนอความกลัว (ข่าว คลิปแพทย์ และช่องทางอื่นๆ ทั่วสารทิศ​​) ตลอดเวลาไม่งั้นแล้วความกลัวจะเบาลง แล้วเราจะเริ่มเห็นความผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้น

มนุย์เราเป็นแบบนี้ครับ เวลาที่เรากลัวสมองทางด้านเหตุและผลจะหยุดการทำงานและใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ ซึ่ง ในสภาวะเช่นนั้น แพทย์ทีวีและสื่อจะใช้ความน่าเชื่อถือของตน (ที่ให้ความรู้สึกสบายใจ ทั้งๆ ที่เราเองก็ไม่รู้อะไรคือความจริงและยังคงมีความกังวล แต่เราไว้ใจพวกเขา) ชี้นำทางและเราก็เดินตามโดยไร้สติขั้นที่ว่าไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังขาดสติ อย่าลืมนะครับ กำไรจากวัคซีนมากพอที่จะทำให้มนุษย์พูดความจริงเพียงแค่ครึ่งเดียว วงการไหนมีเงินวงการนั้นมีทุจริตเสมอ ไม่มากก็น้อย เพราะมนุษย์ทั้งหมดมีกิเลสไม่งั้นเราคงไม่ได้มาอยู่บนโลกใบนี้หรอกครับ

คำถามต่อไปคือ ถ้าสิ่งนี้ไม่ใช่วัคซีน แล้วมันคืออะไร?​

โปรดรออ่านในบทความต่อไป

แชร์หน้านี้ให้กับ แพทย์ พยาบาล ที่ท่านรู้จัก และวิงวอนให้ท่านอ่าน ขอรบกวนเรื่องนี้ด้วยครับ ขอบคุณครับ


ผมมีข้อคิดทิ้งท้าย 1 ข้อครับ วัคซีน (ที่ไม่ใช่วัคซีน) ไม่สามารถป้องการติด หรือแพร่เชื้อได้ หมายความว่า ทั้งคนที่ฉีดและไม่ฉีดแพร่ใส่กันได้เหมือนกัน ถูกไหมครับ?

ทำไมผู้ที่ฉีดเท่านั้นที่สามารถเข้าร้านอาหาร หรือ เข้าห้องเรียน หรือ ข้ามจังหวัด หรือ อื่นๆ ได้?

สนับสนุนเรา

หากคุณชอบผลงานของเรา เห็นความสำคัญในสิ่งที่เราทำ และประสงค์ที่จะสนับสนุนเราให้ทำสิ่งนี้ต่อไป โปรด สบับสนุนเราทีนี่ครับ ขอบคุณครับ

รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกเซนเซอร์

Telegram (เทเลแกรม) เป็นแอ็ปที่ไม่มีการเซนเซอร์ข้อมูล เราจึงสร้างกลุ่มการสนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน หากคุณสนใจเข้าร่วมกลุ่มเพื่อรับข้อมูล เราขอเรียนเชิญครับ ดาวน์โหลด Telegram แล้ว คลิปลิ้งค์นี้เพื่อเข้ากลุ่ม


บทความต่อไป ความลับของวัคซีน mRNA (ฉบับที่ 2)

เมื่อโควิดเริ่มระบาด กลุ่มแพทย์ และ นักวิทยาศาสต์ เริ่มออกมาเตือนผู้คนว่า โดวิดคือการหลอกลวง ต่อมาข้อมูล คลิป และ channel ของท่านเหล่านี้ เริ่มถูกลบออกจากโซเชียลทั้งหมด ผมจึงเริ่มสงสัยและตามเข้าไปในเว็บไซต์ส่วนตัวของพวกท่าน แล้วได้รับข้อมูลต่างๆ ที่ผมนำมาแชร์ให้คุณทราบ ผมไม่ใช่หมอ และเว็บไซต์นี้ไม่ใช่เว็บไซต์การให้คำปรึกษาทางการแพทย์ ผมเพียงแต่แสดงข้อมูล (และแปลข้อมูลเป็นภาษาไทย) ของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณรับข้อมูลที่กำลังถูกเซนเซอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คุณไปพิจรณาเอาเองว่า อะไรถูก อะไรผิด และ คุณควรทำอะไรซึ่งจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เรื่องนี้สำคัญ ผมไม่แบ่งปันข้อมูลเหล่านี้กับผู้อื่นไม่ได้ ผมจึงออกมาทำเว็บไซต์นี้ หากคุณคิดว่าคนไทยคนอื่นควรรับรู้ข้อมูลเหล่านี้ โปรดแชร์ครับ สุดท้าย ผมคิดว่าพวกเราต้องรักษาสิทธิ์ของเรา ไม่ให้มีการบังคับฉีดยาทางอ้อม ร่างกายของเรามีเพียงเราเท่านั้นมีสิทธิ์บนร่างกายนี้ ขอบคุณครับ

3 COMMENTS

  1. Thank you for warning us about Evil lied Vaccines. Im one who lated to receive any vaccine by using word of “stability”. Before read this article, i still though I lated to vaccinate. But after read I though I have more lucky to study, research and listen more about mechanism for walking of the world. Sometime i though maybe I have been prevented by myself – natural antibody. After long of time, several time i think i have been gotten Covid virus to my body, generally i will get high effect sick, but i have clear to normal like general sick in 2 day. I cannot proof my words can trust or make guarantee effect side if you dont get vaccincated. But now, I can be one reason to make sure that I dont get sick from Covid-19. Maybe i will still wait the true news out to public or recevied real vaccines to make self antibody against Covid-19 and
    other subject to still alive in the horrible world.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.